สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย (KBank) และเอสซีบี เอกซ์ (SCBX) สองสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของไทยได้ให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการ Home Credit ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยในเวียดนาม โดยคาดว่าดีลนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจาก Bloomberg ระบุว่า นอกจากต้องแข่งขันกันเองแล้ว สองสถาบันการเงินจากไทยยังต้องแข่งขันกับ KB Kookmin Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ KB Financial Group ของเกาหลีใต้ในดีลนี้อีกด้วย โดยคาดว่า Home Credit จะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะภายในสิ้นปีนี้
ปัจจุบัน Home Credit มีเจ้าของเป็น PPF Group N.V. กลุ่มบริษัทลงทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ของตระกูล Kellner ในสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการจะขายกิจการธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย เพื่อกลับไปโฟกัสธุรกิจหลักในยุโรป
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมากลุ่ม PPF Group ได้ขายยูนิตธุรกิจ Home Credit ในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยาของไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่ม MUFJ Financial Group ของญี่ปุ่น
Bloomberg ได้สอบถามไปยังธนาคารกสิกรไทยและ PPF Group เกี่ยวกับข่าวการเข้าซื้อกิจการที่ออกมา แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ความเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ขณะที่ KB Kookmin Bank และ SCBX ไม่ตอบกลับคำขอความเห็นของผู้สื่อข่าว
ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ได้ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ทั้ง KBank และ SCBX มีความพร้อมทั้งคู่ที่จะเข้าซื้อกิจการของ Home Credit หากพิจารณาจากขนาดสินทรัพย์ของธุรกรรมข้างต้นที่คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของสินทรัพย์ทั้งคู่ ประกอบกับ ณ สิ้นงวด 3Q66 ทาง KBANK มี BIS Ratio ที่ 19.6% (Tier-1 ที่ 17.7%) และ SCB ที่ 18.7% (Tier-1 ที่ 17.6%) สูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมายที่ 12% (Tier-1 ที่ 9.5%) พอสมควร
สำหรับการขยายการเติบโตแบบ Inorganic Growth ไปยังเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตของ GDP สูงในอาเซียนราว 6% ต่อปี และอยู่ในกลุ่ม High Yield (High Risk High Return) ถือว่ามีความน่าสนใจ เพียงแต่สิ่งที่น่าสนใจคือพฤติกรรมของลูกหนี้เวียดนามที่อาจมีความแตกต่างจากไทย ประกอบกับ Valuation ในการซื้อขาย ธุรกรรมนี้เป็นอีกปัจจัยที่จะบ่งชี้ว่าราคาหุ้นของผู้ชนะการประมูลจะตอบสนองไปในทิศทางใด
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อธุรกรรมดังกล่าว และมองว่าระดับ P/E Ratio ซื้อขายในครั้งนี้ หากเกิดขึ้นมีโอกาสต่ำกว่าช่วง BAY ทำธุรกรรม ตามระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่สูงขึ้นกว่าช่วงดังกล่าวคงเท่าตลาด
โดยมองว่าในธุรกรรมนี้ KBANK มีการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม (ทุนจดทะเบียน 9.6 พันล้านบาท) พร้อมฐานลูกค้า K PLUS Vietnam กว่า 470,000 ราย ถือว่ามีความพร้อม คงแนะนำ Outperform KBANK ที่มูลค่าพื้นฐาน 150 บาท ราคาหุ้นซื้อขายบน P/BV ที่ 0.6 เท่า, PER ราว 7.5 เท่า
ในทางตรงข้ามให้คำแนะนำ Neutral ต่อ SCB ที่มูลค่าพื้นฐาน 111 บาท จาก P/BV ที่ 0.7 เท่า และ PER ที่ 7.8 เท่า สูงกว่า KBANK และราคาหุ้น YTD เคลื่อนไหวดีกว่า KBANK จึงประเมินว่าที่ราคานี้ KBANK น่าสนใจกว่า
อ้างอิง: