ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการแฟชั่น เมื่อ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Chanel, Fendi และ แบรนด์ Karl Lagerfeld ได้เสียชีวิตลงในวัย 85 ปีที่ประเทศฝรั่งเศส
ตลอดกว่าหกทศวรรษในวงการ คาร์ลนับได้ว่าเป็นดีไซเนอร์ที่ปฏิรูปวงการแฟชั่น ศิลปะ และสังคมโดยรวม ด้วยผลงานการดีไซน์ที่เชื่อมโยงระหว่างความคิดสร้างสรรค์ ธุรกิจ และการตลาดได้อย่างลงตัว ส่งผลให้วงการแฟชั่นกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีอิทธิพลมากสุดของโลก
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เกิดเมื่อปี 1933 ในครอบครัวนักธุรกิจใกล้เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่ปารีสเพื่อศึกษาต่อด้านการวาดรูปและประวัติศาสตร์ จากนั้นเริ่มทำงานวงการแฟชั่นในฐานะผู้ช่วยของดีไซเนอร์ ปิแอร์ บัลแมง หลังเขาชนะการแข่งขันแฟชั่นของ International Wool Secretariat สาขาเสื้อโค้ตยอดเยี่ยมในปี 1955 และ 3 ปีต่อมา เขาได้ย้ายไปทำงานกับอีกหนึ่งดีไซเนอร์ระดับตำนาน ฌอง ปาตู และเริ่มทำงานฟรีแลนซ์ให้อีกหลายแบรนด์ ทั้ง Charles Jourdan และ Valentino
ตั้งแต่ปลายยุค 60s คาร์ลได้เข้ามาทำงานกับแบรนด์ Fendi ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์จนถึงปัจจุบัน และยังเคยทำงานควบคู่ให้กับแบรนด์ Chloe ช่วงปี 1972-1977 แต่จุดเปลี่ยนที่ยกระดับชื่อเสียงของคาร์ลเกิดขึ้นหลัง อเลน เวิร์ธไฮเมอร์ ได้ทาบทามให้เขามาเป็น Artistic Director ของแบรนด์ Chanel
คาร์ลเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Chanel เปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและกลายเป็นมหาอำนาจของวงการแฟชั่น สร้างรายได้ระดับพันล้านเหรียญทุกปี โดยบทบาทของเขาคือดูแลสินค้าด้านเสื้อผ้าที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้า Ready-to-Wear และเสื้อผ้า Couture ซึ่งสิ่งที่ทำให้คาร์ลยังคงประสบความสำเร็จจนถึงนาทีสุดท้ายคือความเข้าใจในการบาลานซ์เรื่องดีไซน์ การแบรนดิ้งตัวเอง และการตลาดของ Chanel เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งยังไปในทิศทางที่คงรักษาความหรูหราของแบรนด์ มากไปกว่าวิ่งตามเทรนด์
หนึ่งในปรัชญาที่คาร์ลพูดเสมอคือ การไม่มองย้อนไปในอดีต และพยายามสรรหาสิ่งที่จะทำให้งานออกแบบ ความคิด และตัวตนของเขาก้าวหน้าไปเสมอ พร้อมๆ กับสังคมที่เราอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดก็ได้ทำให้ผลงานเขายังครองใจกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเจเนอเรชันไหนได้ตลอดเวลา อิทธิพลของเขาไม่เคยเสื่อมคลาย ทั้งยังทำให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ก็เอาเขาเป็นตัวอย่างเสมอมา
THE STANDARD เคยได้สัมภาษณ์ คาโรลีน เลอบาร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของแบรนด์ Karl Lagerfeld ที่เธอได้ทำงานกับคาร์ลมากว่า 30 ปี เธอบอกว่า “แฟชั่นคือดีเอ็นเอของคาร์ล มันไม่ใช่งานสำหรับเขาแต่อย่างใด คาร์ลตื่นมาทุกวันและรู้ว่าการได้สเกตช์ดีไซน์คือสิ่งที่เขาต้องทำ” นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมว่า คาร์ลเป็นคนที่ทำงานเร็วมาก ถึงขั้นที่ภายในเวลา 2 ชั่วโมงเขาสามารถคัดเลือกเนื้อผ้ากว่า 400 แบบได้ว่าอะไรชอบหรือไม่ชอบ
การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของคาร์ลบนรันเวย์เกิดขึ้นที่งานแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Metiers d’Art Pre-Fall 2019 ที่จัด ณ พิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art ในกรุงนิวยอร์กเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนโชว์ล่าสุดของ Chanel คอลเล็กชัน Haute Couture Spring/Summer 2019 ที่จัด ณ Grand Palais ในปารีสเมื่อเดือนก่อน คาร์ลไม่ได้ปรากฏตัว และให้ เวอร์ฌินี วิอารด์ มือขวาของเขา และ Studio Director ของ Chanel ออกมาโค้งคำนับแทนในตอนท้าย ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้ประกาศว่าคาร์ลป่วยในวันนั้น และล่าสุดทางแบรนด์ก็ได้ประกาศใน Press Release อย่างเป็นทางการว่า เวอร์ฌินีจะมาสานต่อผลงานที่ Chanel
แน่นอนคำถามต่อไปคือ ‘แล้ว Chanel ภายใต้เวอร์ฌินีจะเป็นอย่างไร?’ ‘แบรนด์ Karl Lagerfeld จะไปต่ออย่างไร?’ ซึ่งถึงแม้จะมีกระแสหรือข่าวลือออกมามากมายเกี่ยวกับอนาคตที่หาอ่านกันได้ตามเพจหรือเว็บบอร์ดต่างๆ แต่ ณ เวลานี้ สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการที่เราควรยกย่องและพูดถึงความโชคดีที่โลกแฟชั่นมีผู้ชายอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ มาเป็นผู้นำ เพราะต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เราเชื่อว่าผลงานและคุณค่าของวีรบุรุษคนนี้ไม่มีเลือนหายไปอย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
