×

ประกาศพักวิ่ง 3 วัน หลังตูนทรุดหนักถึงกับต้องนั่งลงกับพื้น

29.11.2017
  • LOADING...

 

เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หลังจาก ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรืออาทิวราห์ คงมาลัย เกิดอาการบาดเจ็บจนวิ่งต่อไม่ไหว แม้จะพยายามลุกขึ้นฝืนวิ่ง แต่ก็ต้องทรุดนั่งลงที่พื้นอีกครั้ง สุดท้ายทีมงาน ‘ก้าว’ ต้องประกาศหยุดวิ่งทันทีหลังจากเริ่มต้นการวิ่งในเซตที่ 4 จากโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ไปถึงพระราชวังไกลกังวลได้เพียง 6 กิโลเมตร นั่นส่งผลให้ระยะทางรวมทั้งหมดหยุดอยู่ที่ 1,063.80 กิโลเมตร หลังจากตูน บอดี้สแลม เริ่มวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ มาได้ 23 วัน

           
อาการบาดเจ็บของตูนครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ โดยจุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดคืออาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้าย ซึ่งทำให้ตูนไม่สามารถฝืนวิ่งต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีอาการบาดเจ็บที่คอ ไหล่ สะบัก และแผ่นหลังที่ค่อยๆ สะสมอาการบาดเจ็บทีละน้อยจากการวิ่งสลับกับหยุดถ่ายรูป รับเงิน และแจกลายเซ็นมาตลอด 23 วันที่ผ่านมา

 

 

ตามกำหนดการเดิม วันที่ 29 และ 30 พฤศจิกายนจะเป็นคิวหยุดพักฟื้นฟูร่างกายอยู่แล้ว แต่ทางทีมแพทย์ประเมินสถานการณ์แล้วว่าควรให้ตูนหยุดพักเพิ่มอีกหนึ่งวัน และจะกลับมาเริ่มวิ่งอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคม ที่โรงเรียนนายสิบทหารบก

           
ทางทีมงาน ‘ก้าว’ ได้ขอความร่วมมือในเรื่องเดิมอีกครั้งว่าไม่ควรวิ่งรั้งตูนเอาไว้เพื่อขอถ่ายรูป วิ่งตัดหน้า กระแทก เหยียบเท้า หรือนำสิ่งของต่างๆ มาให้ตูนเซ็นระหว่างการวิ่ง เพราะนี่คือการทรุดลงไปนั่งพักเป็นครั้งที่ 2 ของตูน และเราจะเห็นได้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กับระยะทางที่เหลืออีก 1,128 กิโลเมตร ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องกลับมาคิดอย่างจริงจังว่า โครงการนี้จะสำเร็จได้ ไม่ใช่อยู่ที่การวิ่งของตูนเพียงแต่คนเดียว แต่หมายรวมถึงการให้ความร่วมมือจากประชาชนทุกคนที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘รักพี่ตูน’ จะช่วยกันสนับสนุนให้ตูนทำตามเป้าหมายเดิมได้จริงหรือเปล่า

 

 

แม้ตูน บอดี้สแลม จะบาดเจ็บ ซึ่งต้องติดตามผลต่อ แต่คนไทยทั้งประเทศยังคงร่วมบริจาคให้โครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเช็กช่องทางบริจาคทั้งหมด ซึ่งมีวิธีอยู่มากมาย สำคัญที่สุดคือติดตามยอดเงินบริจาคแบบเรียลไทม์นาทีต่อนาทีได้ที่เว็บไซต์ www.kaokonlakao.com และติดตามข่าวสารใหม่ๆ ได้ที่เพจหลักทางเฟซบุ๊ก ก้าว

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising