คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นในวงสนทนาหลายๆ กลุ่ม คือ หลังจากคลายล็อกดาวน์แล้ว คิดว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดระลอก 2 หรือไม่ หลายเสียงบอกไปในทิศทางเดียวกันว่า มาแน่!
นั่นเป็นเหมือนคำท้ากลายๆ ให้คนไทยต้องปลุกตัวเอง ยกระดับความสะอาดขั้นพื้นฐาน รักษาวิถี New Normal ไปพร้อมๆ กับการเยียวยาสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับมหภาคไปจนถึงระดับครัวเรือน ที่ถูกวิกฤตโรคร้ายถาโถมจนล้มระเนระนาดไปตามๆ กัน
ว่ากันว่าถ้าจะวัดความจริงใจให้ดูกันที่ยามยาก นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่องค์กรระดับโลกอย่างคาโอ ซึ่งมีความผูกพันกับคนไทยมาเนิ่นนานไม่ต่ำกว่า 50 ปี และมีอายุในการก่อตั้งบริษัทมาแล้วกว่า 130 ปี ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อความสะอาดในครัวเรือนและส่วนบุคคล จะได้แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อสังคมไทยอย่างจริงใจและแข็งขัน
เคียงข้างคนไทย
นี่จึงเป็นที่มาของการผลักดันให้เกิดแคมเปญ ‘คาโอเคียงข้างคนไทย สะอาดมั่นใจยิ้มได้การ์ดไม่ตก’ อย่างเป็นรูปธรรม และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำคาโอ ประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสัญชาติไทยอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนไทยได้รู้สึกและเข้าถึงแคมเปญ CSR นี้อย่างตรงตามเจตนารมณ์ขององค์กรที่สุด
“คาโอดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 50 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีกิจกรรม CSR เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว CSR ของคาโอจะโฟกัสไปที่เรื่องสุขภาพและความสะอาด ตามภารกิจของผลิตภัณฑ์ของเราที่จะมุ่งเน้นเรื่องสุขภาพและความสะอาดเป็นสำคัญ” มร.ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เท้าความถึงการดำเนิน CSR ที่ผ่านมาของคาโอ
สะอาด มั่นใจ
ความน่าสนใจของ CSR ดังกล่าวอยู่ที่การสร้างสรรค์แคมเปญบนความเข้าใจพฤติกรรมชีวิตแบบปกติใหม่ของผู้คนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคสิ่งจำเป็นช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง (จนถึงปัจจุบันนี้คาโอก็ยังไม่หยุดบริจาค), การลดราคาผลิตภัณฑ์เพื่อความสะอาดขั้นพื้นฐานพร้อมกันทีเดียวทุกแบรนด์ในเครือ โดยไม่ลดทอนคุณภาพสินค้าลงแต่อย่างใด เพื่อช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพให้ประชาชนเข้าถึงสุขอนามัยที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และที่สำคัญคือ การป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง พยายามสร้างความตระหนักรู้ถึงความจำเป็นในการรักษาความสะอาด คอยเฝ้าระวังไม่ให้การ์ดตกอย่างน่าสนใจ ไม่ตึงเครียด แต่ก็ไม่เบาโหวง ซึ่งเรามองว่า นี่คือโจทย์ปราบเซียนที่ท้าทายองค์กรที่ทำ CSR เป็นประจำอย่างคาโออยู่ไม่น้อย
“สิ่งที่คาโอ ประเทศไทย ทำมาตลอดระยะเวลาที่เกิดวิกฤตโควิด-19 คือ เราเน้นหนักในเรื่องความปลอดภัย เรามีความตั้งใจที่จะปกป้องผู้คนให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยคนไทยในเรื่องของการทำความสะอาด และรักษาสุขอนามัยในขณะที่อยู่บ้านได้ สิ่งที่เราทำต่อมาคือ พยายามป้อนข้อมูลในการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจากช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยข่าวลือมากมาย เราไม่ต้องการให้ประชาชนสับสนกับข้อมูลที่ผิดๆ จึงพยายามกระจายข้อมูลที่ถูกต้องให้ผู้บริโภครับทราบ เพื่อที่เขาจะได้รู้วิธีป้องกันตัวเองอย่างถูกต้อง ซึ่งนี่คือกลยุทธ์ที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด พอมาถึงช่วงที่คลายล็อกดาวน์แล้ว เราก็อยากสร้างความตระหนักในเรื่องการ์ดอย่าตก โดยได้เชิญชวนพรีเซนเตอร์ของเรามาทำให้คนไทยไม่ลืมที่จะคิดถึงเรื่องความสะอาด และมองว่าความสะอาดเป็นความปลอดภัยขั้นต้นที่จะปกป้องทุกคนจากเชื้อโรคได้ แม้ว่าในเวลานี้ชีวิตประจำวันจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่ควรหลงลืมเรื่องนี้ไป” หัวเรือใหญ่แห่งคาโอ ประเทศไทย บอกเล่าถึงเจตนารมณ์ของการเกิดแคมเปญ CSR ในครั้งนี้
ยิ้มได้การ์ดไม่ตก
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เกิดเพลงรณรงค์ รักนะ…การ์ดอย่าตก เพลงฟีลกู้ดที่มีเนื้อหาเป็นมิตร แสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ และหากใครได้ชมเอ็มวีนี้แล้ว จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นละมุนละไม แทบไม่รู้สึกเลยว่านี่คือเอ็มวีที่พยายามกระตุ้นเตือนชีวิตในช่วงโควิด-19 แต่เหมือนเป็นการรับรู้ถึงความห่วงใยจากคนรักรอบข้าง ซึ่งเรามองว่า นี่คือลายเซ็นที่ค่อนข้างโดดเด่นของคาโอ เพราะวัฒนธรรมขององค์กรนี้ คือความใส่ใจในการส่งมอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดถึงมือลูกค้า ลูกค้าจะต้องยิ้มและมีความสุขกับผลิตภัณฑ์ของคาโอ ที่ตอบโจทย์สมบูรณ์แบบทั้งในแง่ Functional และ Emotional จึงไม่สงสัยเลย หากจะมีรอยยิ้มเกิดขึ้นหลังจากได้ยิน ได้ฟัง และได้ดูเอ็มวีดังกล่าว
หลายคนอาจตั้งคำถามในเชิงว่า การที่คาโอเดินหน้าทำโปรเจกต์ CSR เช่นนี้ได้ อาจเพราะผลประกอบการยังดีอยู่ เนื่องจากสินค้าภายใต้เครือคาโอก็ล้วนผูกพันอยู่กับสุขอนามัยของผู้คน เป็นสินค้าที่เป็นอุปสงค์ในช่วงเวลานี้ ทว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก และก่อเอฟเฟกต์กับภาคธุรกิจอย่างหนักหน่วง ซึ่ง มร.ชิมิซึ นักการตลาดผู้อุทิศชีวิตการทำงานเพื่อเรียนรู้ผู้บริโภค ก็ได้เปรยกับ THE STANDARD ว่าสำหรับคาโอ แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะไม่ก่อให้เกิดวิกฤต แต่มันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติสุขดังที่เคยมี
“ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมหรือเศรษฐกิจ ผมรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือความท้าทาย ทั้งในการพัฒนาในแง่ของการตลาด การบริหารธุรกิจ ต่อให้ผ่านช่วงเวลาหนักหน่วงที่สุดไปแล้ว เราก็เล็งเห็นว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้อีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพ จึงพยายามหาหนทางที่จะช่วยพวกเขาด้วยการลดผลกระทบให้น้อยที่สุด เช่น ลดราคาให้พวกเขาเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเรา ผมมองว่านี่คือนโยบายที่เราต้องทำเพื่อเคียงข้างคนไทย ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความสะอาด ควรอยู่ในทุกหนทุกแห่งที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในร้านค้าใกล้บ้านของพวกเขา”
เราเชื่อว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้เรียนรู้จากโควิด-19 เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าไวรัสตัวเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จะสามารถสร้างวิกฤตใหญ่โตได้ขนาดนี้ แต่ในวิกฤตก็มีโอกาสที่ท้าทายเราอยู่ ดังเช่นที่คาโอ องค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกำลังท้าทายกับโอกาสนั้น ด้วยการเคลื่อนไหวแบบไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง การที่คาโออยู่ในประเทศไทยได้ยาวนานกว่า 50 ปี ส่วนหนึ่งก็เพราะคาโอมีจิตวิญญาณของความจริงใจและนอบน้อมแบบญี่ปุ่น พวกเขาแคร์คนไทย พร้อมที่จะกลับมาทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอ แม้ในยามที่สังคมเกิดวิกฤต เพื่อหาหนทางในการช่วยเหลือผู้คน คืนสิ่งที่มีคุณค่าสู่สังคม
เพราะผลิตภัณฑ์ของคาโอไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้า หากแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ครอบครัว’
#รักนะการ์ดอย่าตก
#คาโอเคียงข้างคนไทยสะอาดมั่นใจยิ้มได้การ์ดไม่ตก