กัณวีร์ติงทวี ปมคิดเทียบชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษซินเจียงอุยกูร์ ย้ำให้ประชาชนกำหนดอนาคตตนเอง

วันนี้ (14 เมษายน) กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ตั้งคำถามถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีที่จะให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษอย่างซินเจียงอุยกูร์

โดยกัณวีร์กล่าวถึงเรื่องนี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “จะให้ จชต. เป็นเขตปกครองพิเศษอย่างซินเจียงอุยกูร์ คิดได้ยังไง หากไม่รู้ความละเอียดอ่อนกับการถูกกดทับแถมพรากซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ในเขตปกครองพิเศษซินเจียงอุยกูร์แล้ว ก็ขอให้ไปศึกษาให้ดีก่อนพูด หรืออย่าพูดเลยดีกว่า เพลีย

“รู้แล้วทำไมรัฐบาลชุดนี้ที่มี รมว.ทวี อยู่ด้วยถึงคิดว่าการผลักดันผู้ลี้ภัยอุยกูร์กลับซินเจียงแล้วเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องผู้ลี้ภัยแบบยั่งยืน แถมไปฟอกขาวทำละครคุณธรรมเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองว่าทำถูกอีก

“ตอนแรกผมนึกว่าเขาไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะเขาคิดว่าเขาทำถูกและไม่มองหาแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบอื่นๆ เหมือนเอาที่บังมาปิดตาม้าให้มองแค่ทางเดียวและไม่สนทางอื่น ขี่ตะลุยไปถึงแม้ว่ามันจะวิ่งลงเหวไปเอง

“รัฐบาลชุดนี้คิดว่าเขตปกครองพิเศษที่ซินเจียงอุยกูร์คือแดนสวรรค์ที่เป็นโมเดลในการสร้างสันติภาพแบบยั่งยืนได้ นี่ขนาด รมว.ทวี ที่มีพรรคการเมืองที่ได้ สส. ในพื้นที่ จชต. มากที่สุด ยังมีแนวคิดจะเอาโมเดล ‘ซินเจียงอุยกูร์’ มาปรับใช้กับ จชต.

“ตายสถานเดียว หากให้ผมวิเคราะห์นะ เอาแบบบ้านๆ นะครับ คือคงเห็นแต่คำว่า ‘เขตปกครองพิเศษ’ แล้วมันดี มันคือ ‘ยาวิเศษ’ เหมือน ‘กฎหมายพิเศษ’ ที่จะสามารถเสกคาถา ‘พิเศษ’ แก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดแบบ ‘พิเศษๆ’

“ไม่เข้าใจบริบทอะไรทั้งนั้น เพิกเฉยต่อการหาความรู้ในเชิงบริบทพื้นที่ คิดว่าการกลืนกินอัตลักษณ์ สลายความหลากหลายแล้วสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างที่จีนใช้ที่ซินเจียงอุยกูร์คือยาวิเศษ เขาเป็นคอมมิวนิสต์ครับ เราเป็นประชาธิปไตย อย่าลืม!!

“หยุดการกลืนกินอัตลักษณ์และกดทับความเป็นมนุษย์ที่มีความหลากหลายเสีย ยอมรับความแตกต่างว่าเรายังมีพี่น้องที่เป็นมุสลิม พุทธ คริสต์ ฮินดู และชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ จชต. ที่มีวิถีชีวิตและความแตกต่างทางอัตลักษณ์ที่สามารถอยู่กันได้อย่างสละสลวย หากภาครัฐเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงเรื่อง ‘ความหลากหลายจะสร้างเอกภาพ’ อย่าย้ำเตือนและตอกย้ำรากเหง้าแห่งปัญหาในพื้นที่ที่มันจะขยายบาดแผลให้เลวร้ายกว่าเดิม

“ผมว่าคงถึงเวลาคนรุ่นเก่าๆ ออกจากการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ละเอียดอ่อนอย่าง จชต. และจังหวัดชายแดนและชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งแล้วครับ ประเทศจะได้เดินหน้าและมีการพัฒนาแบบยั่งยืนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางจริงๆ

“อีกประการหนึ่ง แม้เรื่องเขตปกครองพิเศษหรือการกระจายอำนาจ เป็นหัวข้อหนึ่งในการพูดคุยเพื่อหาทางออกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รัฐไม่ควรต้องคิดเองเออเอง ต้องฟังเสียงของประชาชนที่ต้องการกำหนดอนาคตของตนเองด้วยครับ”