วันนี้ (25 พฤศจิกายน) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีชุดมลายู ก่อนถึงกำหนดที่อัยการจังหวัดปัตตานีนัดนักกิจกรรม 9 คนพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานีในวันพรุ่งนี้
กัณวีร์กล่าวว่า ความสำคัญของคดีนี้จะส่งผลต่อกระบวนการสันติภาพปาตานี โดยเป็นการฟ้องย้อนหลังกิจกรรมที่จัดไปก่อนหน้านั้น 2 ปี และหลังจากนั้นก็จัดมาอย่างต่อเนื่องโดยการรู้เห็นของหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตใช้สถานที่จากเทศบาล และมาตรการความปลอดภัยที่ผ่านการหารือกับหน่วยงานความมั่นคง
“การแจ้งข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นและการกล่าวหาเชื่อมโยงถึงแนวคิดแบ่งแยกดินแดนอย่างที่ทางแม่ทัพภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 แถลงข่าวล่าสุด เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างสันติภาพ” กัณวีร์ระบุ
กัณวีร์กล่าวต่อไปว่า หากฟังการชี้แจงของนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม ช่วงเวลา 2 ปีนี้พวกเขาเดินทางไปชี้แจงต่อหลายหน่วยงาน ทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเองอยู่ใน กมธ.การกฎหมายด้วย และยังนำเรื่องนี้หารือต่อสภา การยื่นหนังสือถึงสถานทูต องค์กรระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้องอย่างมากมาย ตลอด 2 ปีพวกเขาได้ชี้แจงอย่างโปร่งใสต่อสาธารณะ ซึ่งทราบมาว่าหลังการเลื่อนการพิจารณาของอัยการเมื่อครั้งที่แล้ว (29 ตุลาคม) อัยการจังหวัดปัตตานีแจ้งว่า สำนักงานอัยการสูงสุดขอพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะเป็นคดีสำคัญ
“ผมจึงคาดหวังจะเห็นการอำนวยความยุติธรรมของสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาคดีด้วยความรอบคอบ เพราะมีผลสำคัญต่อกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้ไม่ซ้ำรอยคดีตากใบ” กัณวีร์กล่าว
กัณวีร์กล่าวด้วยว่า ทราบว่านักกิจกรรมทั้ง 9 คนไม่ได้หลบหนี พร้อมจะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างที่เคยย้ำไปว่า ดนตรี กวี และการแต่งกาย ไม่ใช่อาชญากรรม สำหรับบ่ายวันนี้สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP) และภาคีเครือข่าย จัดเวทีเสวนา ‘ศักดิ์ศรี สันติภาพ ปาตานี’ ที่อาคาร Patani Center สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี หลังเก่า เพื่อสร้างความเข้าใจต่อบริบทสันติภาพ รวมถึงการเปิดจดหมายจากผู้ถูกดำเนินคดีกฎหมายปิดปาก หรือ SLAPP
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากนักกิจกรรมสวมชุดมลายูในกิจกรรม Melayu Raya 2022 ที่หาดวาสุกรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีออกหมายเรียกนักกิจกรรมทั้ง 9 คนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 9 มกราคม 2567 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทำให้วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ตำรวจส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการ ซึ่งมีความเห็นสั่งฟ้อง และได้เลื่อนนัดรายงานตัวมาเป็นวันที่ 26 พฤศจิกายน