วันนี้ (25 กรกฎาคม) กัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ย้ำถึงเหตุผลที่เสนอให้รอ 10 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ในหลักการทำงานด้านมนุษยธรรมมา 12 ปี เราจะวางแผนจากหนักมาหาเบา Worst Case Scenario กรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่ปฏิบัติการจากเบาหาหนัก จะเห็นว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ซึ่งอยู่ที่ตัว ส.ว.
“เราเห็นแล้วว่าการปิดสวิตช์ของ ส.ว. คืองดออกเสียง แต่มันคือการไม่ออกเสียงหรือ Vote No เราเห็นว่าปัญหาหลักในการเลือกนายกรัฐมนตรี เราแพ้ไปเพราะ ส.ว. งดออกเสียงเยอะ ถ้าให้เสียง ส.ว. ระเหิดไป ไม่มีหลงเหลือ ถ้าอย่างนั้นเรารอ 10 เดือนตามตำแหน่งท่านจะหมดไป จะเหลือ ส.ส. เท่านั้นที่เลือกนายกรัฐมนตรี”
กัณวีร์ย้ำว่า ดังนั้นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ รอ 10 เดือนนี้ เพราะถ้าไม่อดทน ถ้าให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลโดยขั้วอำนาจเก่า ไม่แน่ใจว่าเขาจะสร้างอะไร อาจเลวร้ายกว่าที่ผ่านมา อาจมี ส.ว. 2 หรือ 3 หรือ 4 ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถเดินหน้าได้โดยประชาชนเป็นศูนย์กลาง
“ซึ่งในเวลา 10 เดือนนี้ ถ้ามองหาโอกาสไปเรื่อยๆ อาจมีทางออกอื่น เช่น ส.ว. อาจลาออกไปเอง เพราะทนกระแสต่างๆ ไม่ได้ ดังนั้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีในสมมติฐาน ต้องจับมือให้แน่น แตกกันไม่ได้ครับ”
นอกจากนี้ กัณวีร์ยังระบุว่า อยากเสนอสมการ Advance MOU ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และ 8 พรรคต้องจับมือกันให้แน่น เป็นสัญญาใจ ถ้าเราต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก แม้เขาจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ก็จะอยู่ได้ไม่นาน
“เราจึงต้องจับมือกันให้แน่น จะทำให้เห็นว่านี่คือเสียงของประชาชน ต้องเกาะกลุ่มกันให้ได้ความชอบธรรมของประชาชนครับ” กัณวีร์กล่าวย้ำ
