เป็นอีกครั้งที่เรากำลังจะได้เห็นสาวๆ จากวงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48-CGM48 ปรับลุควางไมค์บนเวที ขยับสู่งานแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง The Cheese Sisters ของ iAM FILMS ที่รอบนี้ได้ 6 สาว น้ำหนึ่ง, เนย, ปัญ, เจนนิษฐ์, วี, ฟ้อนด์ BNK48 รวมถึง คนิ้ง-มามิ้งค์ CGM48 ร่วมแสดงอย่างคับคั่ง
และไม่นานมานี้ 2 สาวจาก CGM48 คนิ้ง-วิทิตา สระศรีสม กับ มามิ้งค์-มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์ เดินทางมาทักทายชาว THE STANDARD POP พร้อมเล่าประสบการณ์การทำงานภาพยนตร์แบบจริงจังเรื่องแรกในชีวิต ที่แม้จะเป็นงานที่ยากและท้าทาย แต่พวกเธอยืนยันว่าตั้งใจและทุ่มเทกับงานนี้มากๆ
The Cheese Sisters คือเรื่องเกี่ยวกับอะไร?
คนิ้ง: เรื่องนี้จะเล่าเรื่องการเดินทางของการทำ ‘ชีส’ ตั้งแต่เรื่องในฟาร์มวัว การทำให้ได้มาซึ่งนมวัว (Dairy Farmer), กระบวนการผลิตชีส (Cheese Maker), การขนส่งชีสไปยังที่ต่างๆ (Deliver) และมาจบที่ตอนของเราคือ Baker นำชีสมาแปรรูปเป็นขนมหวานอย่าง ‘เลมอนชีสพาย’
มามิ้งค์: ความพิเศษของเรื่องนี้คือเล่าผ่านเรื่องราวของ 8 สาว 4 คู่ 4 ตอน และนอกจากจะเล่าเรื่องชีส ยังตีแผ่เรื่องราวความสัมพันธ์ที่อาจจะมีบางคู่ปิ๊งรักกัน ไปจนถึงความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ
ความรู้สึก-ประสบการณ์กับงานแสดงเรื่องแรก (แบบจริงจัง)
คนิ้ง: เรื่องนี้จะต่างจากตอนเรื่อง ‘ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง’ ที่ตอนนั้นเป็นการตั้งกล้อง ถ่ายแกล้งเราแบบที่เราไม่รู้ตัว แต่งานนี้เราต้องรับบทแสดงอย่างจริงจัง มันก็เครียดนิดหนึ่ง เพราะเราต้องจำบท ต้องทำความเข้าใจกับบท เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเองเหมือนกัน ช่วงแรกๆ จะเครียดหนักมาก แต่พอได้ละลายพฤติกรรม ได้ทำงานในกองถ่ายบ่อยขึ้น ก็รู้สึกสนุกกับการทำงานมากขึ้น
หนูเคยเครียดจนถึงขั้นอยากแกล้งป่วยเพื่อไม่ไปกองถ่าย (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นรู้สึกจะมีเวลาเตรียมตัวน้อย และเกิดเป็นความกลัวขึ้นมา หนูก็หันไปหาพี่มามิ้งค์และบอกว่า “พี่ ถ้าหนูหันไปล้มหรือแกล้งป่วย เขาจะยกกองออกไปสักนิดได้ไหม” แต่ก็คิดเล่นๆ นะคะ เพราะสุดท้ายเราก็ถ่ายทำผ่านมาได้ปกติค่ะ
มามิ้งค์: ด้วยความที่โอกาสทางด้านงานแสดงภาพยนตร์แบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อยๆ ก็มีความรู้สึกกดดันนิดหนึ่งตอนทำงาน แต่ส่วนตัวรู้สึกเราทำออกมาได้ดีแล้ว แต่จะดีขนาดไหนต้องรอดูภาพยนตร์ตัวเต็มอีกครั้ง
คนิ้ง: ถึงแม้ในช่วงที่ถ่ายทำจะมีเรื่องให้ชวนเครียดบ้าง แต่การคุยเล่นแบบเฮฮาในกองถ่ายมันก็ช่วยให้เราลืมความเครียดได้ ตอนแรกก็แอบกลัวคนในกองจะดุ กลัวเล่นหลายเทคแล้วพี่ทีมงานจะดุ แต่ในความเป็นจริงพี่ทุกคนใจดีมาก บอกเราเสมอว่าจะเล่นกี่เทคก็ได้เลย (หัวเราะ)
มามิ้งค์: พี่ในกองทุกคนเชียร์อัพเราดีมาก ใจดีกับเรามากจริงๆ มันทำให้บรรยากาศการทำงานค่อนข้างดี สนุก ประทับใจมากๆ และในเรื่องนี้เราได้ลองทำเบเกอรีแบบจริงจังด้วย มีเจ้าของร้านคาเฟ่มาสอนทุกอย่าง เพราะในบทเรารับบทคนที่เชี่ยวชาญในการทำของหวาน มันทำให้เราได้เรียนรู้สกิลเหล่านี้จากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปไม่น้อยเหมือนกัน ถือเป็นการเปิดโลก เปิดประสบการณ์มากๆ
อุปสรรคที่พบเจอจากงานแสดง
คนิ้ง: อุปสรรคอย่างหนึ่งที่พบเจอบ่อยมากคือการ ‘ตื่นเช้า’ เช้าชนิดที่แบบต้องตื่นช่วง 02.00-03.00 น. ติดต่อกัน 2-3 คืน มันทำให้รู้ว่าวิถีนักแสดงที่เขาบอกว่าตื่นเช้ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่างานแสดงจริงๆ มันเหนื่อยขนาดนี้
มามิ้งค์: ส่วนตัวเป็นเรื่องความใหม่ในการแสดง ช่วงแรกมีอาการเกร็งค่อนข้างหนัก มันทำให้เราไม่สามารถทำการแสดงออกมาเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราก็ค่อยๆ เรียนรู้มาและปรับไปเรื่อยๆ
วิธีเชียร์อัพ-ให้กำลังใจกัน
คนิ้ง: ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นงานแสดงจริงจังครั้งแรกของเรา 2 คน มันทำให้เราช่วยเหลือกันเยอะมาก ยกตัวอย่างพาร์ตที่พวกเราต้องถ่ายแยกกัน หนูก็จะไปยืนหลังกล้องช่วยพี่มิ้งค์ต่อบท ส่งอารมณ์ให้อยู่หลังกล้อง
มามิ้งค์: สำหรับเราคิดว่าวิธีให้กำลังใจกัน คือการคุยเล่นกันภายในกองถ่าย ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นจากที่เครียดๆ ก็ทำให้เราลืมความเครียดไปได้เลย ส่วนตัวคิดว่ามันคือการให้กำลังใจที่ดีเลย
ประสบการณ์ฉากกุ๊กกิ๊ก
คนิ้ง: เป็นครั้งแรกเลยที่ทำแบบนี้ (หัวเราะ) และรู้สึกขำในเวลาเดียวกัน เวลาต้องเข้าซีนอะไรทำนองนี้
มามิ้งค์: มันทำให้นึกถึงมีมที่เวลาเห็นหน้าคนใกล้ๆ แล้วเหมือนเอเลียน ตอนถ่ายทำก็มีคิดเหมือนกัน แต่เราต้องพยายามคีพคาแรกเตอร์ไม่ให้หลุดขำ ซึ่งพี่ๆ ในกองก็เชียร์กันแบบให้ใกล้อีกๆ ก็รู้สึกสนุกและแปลกใหม่ดี
สิ่งฮีลใจเราในวันเหนื่อยยาก
คนิ้ง: ส่วนตัวมีอยู่ 2 สิ่ง อย่างแรกคือคุยกับแม่ แบบ “วันนี้เหนื่อยจัง” ก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอให้แม่ฟัง อย่างที่สองคือเครื่องดื่มที่พี่ทีมงานเอามาให้ดื่มค่ะ (หัวเราะ) จะเป็นเครื่องดื่มเสริมวิตามินอะไรแบบนั้น พอได้ดื่มไปมันทำให้รู้สึกสดชื่น จากที่ง่วงๆ อยู่ก็ตื่นในทันที
มามิ้งค์: ของหนูก็จะพูดคุยกับครอบครัวเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ฮีลใจได้ด่วนๆ คือการมองออกไปหาธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวเรา ปกติเวลาเผชิญเรื่องเครียดส่วนตัวจะชอบให้ธรรมชาติได้เยียวยาจิตใจอยู่บ่อยๆ
ความประทับใจต่อคู่ของเรา
มามิ้งค์: ถึงน้องจะดื้อ ชอบบอกว่าอยากแกล้งป่วยเพื่อไม่ยอมไปถ่ายหนัง แต่ความจริงคือเขาเป็นคนที่ตั้งใจมาก เวลาได้รับโอกาสอะไรมา เขาจะเป็นคนที่เต็มที่กับงานที่ได้รับมอบหมายมากๆ สิ่งเหล่านี้มันสื่อออกมาทางสายตาอย่างชัดเจนเลย เวลาฟังบรีฟงานน้องจะตั้งใจฟังและทำออกมาได้ดีเสมอ และเด็กคนนี้จะคอยซัพพอร์ตเราตลอดด้วยความจริงใจ คอยดูแลกันไม่ห่าง ก็อยากจะบอกว่าพี่ดีใจที่ได้รู้จัก ได้ทำงานร่วมกับเรา
คนิ้ง: การทำงานด้วยกันเรื่องนี้ หนูได้เห็นมุมต่างๆ ของพี่เขาด้วย อย่างในเรื่องจะมีซีนที่พี่มิ้งค์ต้องแสดงบทโกรธ ซึ่งเราไม่เคยเห็นเขาโกรธได้ขนาดนั้นมาก่อนเลย ในตัวอย่างภาพยนตร์จะมีอยู่ฉากหนึ่งที่แฟนคลับบอกว่าหนูร้องไห้ได้สมจริง ซึ่งหนูบอกเลยนะคะว่าร้องจริงค่ะ (หัวเราะ) ร้องเพราะเห็นพี่มิ้งค์โกรธแบบจริงจังในบท มันทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนดุจริงๆ
ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และประทับใจในความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำงานของพี่มิ้งค์มากๆ พี่เขามีความเป็นมืออาชีพมากๆ และหลายครั้งช่วยให้เราผ่านการแสดงหน้ากล้องมาได้เสมอเลย
ตกหลุมรักงานแสดง?
คนิ้ง: สำหรับหนูรู้สึกว่าเรามีประสบการณ์ที่ดีกับงานแสดงมากขึ้น รู้สึกชอบมากขึ้น ถ้ามีโอกาสอีกคิดว่าน่าจะช่วยพัฒนาสกิลการแสดงให้ดีขึ้น ลดความเกร็ง แสดงได้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้
มามิ้งค์: รู้สึกชอบเหมือนกัน แม้ตอนแสดงจะรู้สึกว่ามันยากเกินตัวไปเหมือนกัน แต่พอได้ทำไปเรื่อยๆ ได้ทำความเข้าใจในตัวละครที่เราสวมบทบาท มันทำให้เราได้ละอัตตาตัวตนของตัวเราเองจริงๆ เพื่อไปสวมบทอื่น ได้ทำความเข้าใจชีวิตและมุมมองของตัวละครที่เราต้องแสดง
เปรียบตัวเองเป็นของหวาน
คนิ้ง: อยากเปรียบเป็น ‘เมอแรงก์’ เพราะเหมือนหนูตรงที่มันไม่ได้มีส่วนผสมพิเศษ ใช้วัตถุดิบธรรมดาอย่างน้ำตาล ไข่ขาว แต่สามารถปั้นออกมาได้หลายแบบ แต่ขั้นตอนการทำมันนาน มันให้ความรู้สึกเข้ากับชีวิตเราดี เพราะกว่าเราจะมีวันนี้ก็อาศัยประสบการณ์ทำงานตรงนี้นานร่วม 3 ปี ได้ทำอะไรหลายอย่าง ขณะที่ส่วนประกอบของชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันเลยทำให้คิดว่าหนูน่าจะเหมือนขนมเมอแรงก์
มามิ้งค์: หนูเปรียบตัวเองเป็น ‘เค้กแครอต’ มันดูเป็นของหวานที่มีส่วนผสมที่ไม่น่าจะเข้ากัน แต่พอมันถูกผสมและเติมแต่ง เค้กก้อนนี้มันออกมาเป็นขนมที่มีรสชาติที่ดีไปอีกแบบ เช่นกันกับหนูที่ถูกผสมผสานหลายสิ่งในตัวเอง ที่บางอย่างอาจจะดูไม่เข้ากับตัวเราบ้าง แต่นานวันไปมันก็ออกมาเป็นตัวเราที่สมบูรณ์ในอีกแบบ
ฝากถึงแฟนคลับที่รอรับชม The Cheese Sisters
คนิ้ง: อยากขอบคุณทุกคนที่คอยเชียร์พวกเราด้วยนะคะ ภาพยนตร์เรื่องนี้คืองานแสดงชิ้นแรกของพวกเรา ถ้ามีความผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าเลย เพราะรู้สึกเรายังใหม่กับงานนี้จริงๆ แต่ก็จะพัฒนาฝีมือต่อไปได้เรื่อยๆ และอยากให้ทุกคนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้มากจริงๆ เพราะมันเป็นงานแสดงจริงจังเรื่องแรก ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจมากจริงๆ
มามิ้งค์: ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอ และคอยสนับสนุนพวกเรามาโดยตลอด แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ชมภาพยนตร์ ยังไม่รู้ว่าจะออกมาดีแค่ไหน แต่ก็เห็นหลายคนมีกิจกรรมเหมาโรงภาพยนตร์ไปดูด้วยกัน มันก็ทำให้เรารู้สึกใจฟู ก็อยากจะขอบคุณที่ซัพพอร์ตกันด้วยใจจริง
ขอฝากภาพยนตร์ The Cheese Sisters เข้าฉาย 24 พฤศจิกายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ด้วยนะคะ
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Cheese Sisters