×

สัปดาห์มรณะ กรุงคาบูลถูกโจมตี 4 ครั้งใน 9 วัน สังเวยกว่า 130 ศพ

30.01.2018
  • LOADING...

สถานการณ์ในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานยังคงไม่สงบ หลังถูกกลุ่มตาลีบันและกลุ่มขบวนการรัฐอิสลาม หรือไอเอส บุกโจมตีอย่างหนักตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้คนสังเวยชีวิตไปแล้วมากกว่า 130 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

 

เหตุความรุนแรงได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่าน หลังกลุ่มตาลีบันได้ทำการบุกเข้าโจมตีและจับตัวประกันไว้ภายในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในกรุงคาบูล ทางด้านนายนาจิบ เดนิช (Najib Danish) โฆษกประจำกระทรวงมหาดไทยเผยว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยต้องใช้เวลาต่อรองนานกว่า 12 ชั่วโมง และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างน้อย 22 คน เป็นชาวต่างชาติ 14 คน หนึ่งในจำนวนนี้มีพลเมืองอเมริกันรวมอยู่ด้วย อีก 8 คนเป็นชาวอัฟกัน

 

https://www.youtube.com/watch?v=vti1Va2CP6o

 

ก่อนที่กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงจะลงมือก่อเหตุอีกครั้งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายได้บรรทุกระเบิดไว้ภายในรถพยาบาล ก่อนจะผ่านด่านตรวจเข้าไปก่อเหตุบริเวณใจกลางเมือง แรงระเบิดคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 103 ศพ พื้นนองไปด้วยเลือด เศษชิ้นเนื้อและชิ้นส่วนอวัยวะของร่างกายมนุษย์กระจายอยู่ในพื้นที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 235 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย

 

ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ม.ค.) ช่วงรุ่งสางตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดพลีชีพบริเวณทางเข้าฐานทัพ ใกล้กับ Marshal Fahim Military Academy บริเวณทิศตะวันตกของกรุงคาบูล เหตุระเบิดพลีชีพลากยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะเกิดระเบิดพลีชีพเป็นวงกว้างขึ้นอีกครั้ง โดยกองทัพอัฟกานิสถานจะสังหารคนร้ายได้ 2 คนและจับกุมตัวได้อีก 1 คน จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ทหารอัฟกันเสียชีวิต 11 นายและอีก 16 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

คาดสาเหตุสำคัญมาจากความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน รวมถึงกระแสต่อต้านรัฐบาลอัฟกันและฐานทัพของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน และถึงแม้ว่าจะมีกองทัพสหรัฐฯ ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานตั้งแต่ปี 2001 แต่กลุ่มตาลีบันกลับมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นและครอบครองพื้นที่ของประเทศได้มากกว่า 40% โดยในปีที่ผ่านมาทหารอัฟกันต้องสังเวยชีวิตไปอย่างน้อยถึง 7,000 คน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า สถานการณ์ความรุนแรงในอัฟกานิสถานจะปะทุขึ้นต่อไปอีกเป็นระยะๆ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X