โลกของการลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงปัจจัยสำคัญคือสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกคน ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก K WEALTH ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์บริหารความมั่งคั่งครบทุกมิติ และบริษัทด้านการลงทุนชั้นนำระดับโลก Lombard Odier และ J.P. Morgan Asset Management มาร่วมแบ่งปันมุมมองที่ไม่ควรพลาด เพื่อช่วยให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนที่ต้องจับตามอง
1. AI และการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน: AI กำลังเข้ามาเพิ่ม Productivity ให้พุ่งสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในหลายอุตสาหกรรม นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระดับที่สูงขึ้น
ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์
ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย
ปี 2025 คือจุดที่เทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นตัวแปรสำคัญที่พลิกโฉมทั้งเศรษฐกิจและพฤติกรรมการลงทุนอย่างแท้จริง เห็นได้จากราคาหุ้น NVIDIA ที่พุ่งสูงกว่า 6 เท่านับจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานต่อสัปดาห์มากกว่า 400 ล้านคน โอกาสของ AI จึงไม่ได้จำกัดแค่ในบริษัทเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงทุกธุรกิจที่รู้จักใช้ AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นักลงทุนที่เข้าใจคลื่นนี้ก่อน จะได้เปรียบทั้งเชิงกลยุทธ์และจังหวะการลงทุนในระยะยาว
2. หนี้สาธารณะทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น: ระดับหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกไม่ได้น่ากลัวเสมอไป หากรัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว นี่อาจเป็นโอกาสในการลงทุนที่สำคัญ
Michael Strobaek
Global Chief Investment Officer and
Head of Investment Solutions of Bank Lombard Odier
หากพิจารณาเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ การกู้หนี้เพื่อลงทุนสร้างอนาคตอาจกลายเป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน นักลงทุนต้องเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ ‘หนี้มากหรือน้อย’ แต่คือ ‘หนี้นี้พาเศรษฐกิจไปทางไหน’ นั่นจึงอาจเปิดมุมมองใหม่ในการประเมินความมั่นคงของประเทศ และโอกาสในการเลือกลงทุนที่เหมาะสม
3. ภาวะตลาดที่ผันผวนจากนโยบายของ Fed: ขณะที่ Fed ต้องเผชิญกับทางเลือกยากระหว่างการคุมเงินเฟ้อที่ยังไม่ลงตัวกับเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนในตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
Tai Hui
Chief Market Strategist, Asia Pacific
J.P. Morgan Asset Management
ในสภาวะที่ Fed ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% ขณะที่ไทยลดลงเหลือ 2% นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสจากอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ เช่น Money Market ในสหรัฐฯ แต่ต้องประเมินปัจจัยค่าเงินร่วมด้วย เพราะหากเงินบาทแข็งค่าอาจกัดกินผลตอบแทน นักลงทุนจึงควรบริหารพอร์ตให้เท่าทันบริบทเศรษฐกิจและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของนโยบายการเงินโลก
4. ความผันผวนจากนโยบาย America First: ผลกระทบจากนโยบาย America First สร้างความผันผวนสูงให้กับตลาดโลก และยังมีผลกระทบย้อนกลับไปยัง GDP ของสหรัฐอเมริกาเอง นักลงทุนจึงต้องติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ศิริพร สุวรรณการ
CFA, CFP, Chief Investment Officer
K WEALTH ธนาคารกสิกรไทย
นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมแค่กับคู่ค้าเพียงด้านเดียว แต่สะเทือนกลับมายังเศรษฐกิจของตนเองด้วย โดย Fed พบว่า ทุกๆ การขึ้นภาษี 1% ส่งผลให้ GDP สหรัฐฯ หดตัวลง 0.14% และกลุ่มธุรกิจไทย โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์กำลังถูกบีบให้เร่งปรับตัว นักลงทุนจึงต้องประเมินสถานการณ์เชิงมหภาคอย่างใกล้ชิด เพราะนโยบายที่ ‘ดูเหมือนไกลตัว’ กำลังส่งแรงสะเทือนโดยตรงถึงการลงทุนของเรา
5. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อการลงทุน: ผลกระทบของความขัดแย้งในแต่ละภูมิภาคกำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงทุน และจำเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนต้องเข้าใจว่าความขัดแย้งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ อย่างไรบ้าง
เช่น ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลโดยตรงต่อราคาพลังงานและอาหารในยุโรป ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันอย่างที่คาด นักลงทุนจึงไม่สามารถใช้มุมมองแบบ ‘ทั่วโลกเหมือนกันหมด’ ได้อีกต่อไป เพราะความขัดแย้งที่ต่างกัน ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ
K WEALTH แนะนำกลยุทธ์การลงทุน GO GLOBAL และ Diversification การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ผ่านการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite โดย Core เป็นส่วนที่มั่นคงและมีโอกาสให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว กระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก แนะนำลงทุนใน Global Balanced Fund เช่น กองทุน K-WPBALANCED ส่วน Satellite เป็นการเลือกลงทุนจากการประเมินสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ โดยปัจจุบันให้น้ำหนักกับกองทุนตราสารหนี้ไทย เช่น กองทุน K-FIXEDPLUS และกองทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่ยังราคาไม่แพงและมีโอกาสเติบโตสูง เช่น กองทุน K-GHEALTH
วจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์
CFA, กรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย
ปณตพล ตัณฑวิเชียร
CFA, Chief Investment Officer บลจ. กสิกรไทย
ห้ามพลาด! ติดตามบทวิเคราะห์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ K WEALTH ได้ในซีรีส์การลงทุนเนื้อหาเข้มข้น K WEALTH GO GLOBAL The Series เพื่อเข้าใจและปรับตัวก่อนใคร ได้ทาง K WEALTH YouTube Channel
👉 คลิกชมเลย https://www.youtube.com/playlist?list=PLsf4kMGfDZvmGh8vW9jSkXqqRDEXOGW_d
*ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: