นายจัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีของแคนาดา รับเป็นเจ้าภาพการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) หลังจากได้รับการสนับสนุนจากจีนและสหภาพยุโรปให้เร่งผลักดันสร้างพื้นที่ในการเจรจาถึงประเด็นปัญหานี้อีกครั้ง โดยการประชุมจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (16 ก.ย.) ซึ่งจะมีรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เดินทางเข้าประชุมในครั้งนี้
นายจัสตินกล่าวว่า แคนาดาพร้อมสนับสนุนและผลักดันข้อตกลงปารีสต่อไป โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะตัดสินใจนำสหรัฐฯ ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ออกจากการเป็นภาคีข้อตกลงนี้แล้วก็ตาม
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวยืนยันว่า การประชุมด้านสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่สมาชิกของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกอย่าง G20 มากกว่าครึ่งจะเข้าร่วมการประชุมหารือในครั้งนี้ เพื่อช่วยกันปกป้องและรักษาโลกใบนี้ไปด้วยกัน
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา มีประเทศต่างๆ ทั่วโลกสนใจเข้าเป็นภาคีของข้อตกลงปารีสแล้วเกือบ 200 ประเทศ โดยทุกประเทศพร้อมที่จะช่วยกันไม่ให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2050 พร้อมกันนี้ทุกประเทศยังเตรียมกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของตัวเองและหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
จีน ประเทศที่ครองตำแหน่งผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลกในปัจจุบัน รวมถึงสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่างเริ่มทยอยยุติการผลิตยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้และหันมาใช้จักรยานและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น
นอกจากบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ที่กล่าวมาแล้ว ประเทศเล็กๆ ที่ประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศอย่างรุนแรงอย่างหมู่เกาะมาร์แชลล์ ฟิจิ มัลดีฟส์ รวมถึงหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอย่างเอธิโอเปีย ก็จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมหารือด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์นี้ที่ประเทศแคนาดาอีกด้วย ก่อนที่การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (United Nations Conference on Climate Change: COP23) จะมีขึ้นในอีกราว 50 วันข้างหน้า
Photo: Lars Hagberg/AFP
อ้างอิง: