วันนี้ (24 ธันวาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมมาตรการป้องปรามและป้องกันการกักตุนและการขายหน้ากากอนามัยเกินราคาในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ โดยมี บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์, วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน, พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และคณะ ร่วมด้วย พ.ต.อ. สุธีร์ มัลลิกะมาลย์ ผู้กำกับ (สอบสวน) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.), พ.ต.ท. ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ลาซาด้า จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หารือร่วมกันเพื่อกำชับเรื่องป้องกันการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าควบคุม เช่น หน้ากากอนามัย
มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจุรินทร์ให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะให้ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ควบคุมร้านค้าหรือผู้โพสต์ขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มตนเองอย่างเคร่งครัด ไม่ให้ขายเกินราคาหรือกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง กำหนดราคาจำหน่ายและการแจ้งข้อมูลหน้ากากอนามัย พ.ศ. 2563 ยังบังคับใช้อยู่ตลอดเวลาเพื่อดูแลประชาชนในช่วงโควิด-19 โดยผู้ขายจะต้องขายหน้ากากอนามัย (Surgical Mask) ไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น รวมไปถึงการนำเข้าหน้ากากอนามัยจะบวกราคาเพิ่มได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้าเท่านั้น ขณะที่หน้ากากผ้าที่ใช้ทดแทนไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุม จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน และทุกแพลตฟอร์มที่ให้บริการออนไลน์ทำหน้าที่และทำตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ต้องไม่ให้เกิดปัญหากับผู้บริโภคและประชาชน และให้กรมการค้าภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทั้งป้องกันและป้องปรามการกระทำความผิดในการจำหน่ายเกินราคาหรือกักตุน หากใครพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเกิดการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งหากประชาชนพบข้อมูลเบาะแสสามารถแจ้งสายด่วน 1569 กระทรวงพาณิชย์
มัลลิการะบุว่าในที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าของทุกคดีที่มีการจับกุม นอกจากนั้นยังให้ผู้เกี่ยวข้องและทุกแพลตฟอร์มเฝ้าระวังการโพสต์ข้อมูลเท็จที่เกี่ยวกับสินค้าควบคุมที่สร้างความปั่นป่วนด้านราคาให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งเป็นความผิดอีกด้วย โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ความผิดการขายเกินราคาควบคุม (มาตรา 25) จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท, ความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย (มาตรา 28) มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท, ความผิดข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ต้องมีเจตนาทุจริต โพสต์ข้อมูลเท็จ ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์