‘ธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin’ ทำให้หุ้นของ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) พุ่งขึ้นกว่า 6,700% ตั้งแต่มีการประกาศแผนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซียังไม่ได้สร้างรายได้ที่สำคัญให้กับบริษัทเลยก็ตาม
“กระแสตอบรับอย่างแข็งแกร่งจากนักลงทุนนั้นถือว่าเกินความคาดหมายของเรา” โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานบริษัท กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg “มีการมองโลกในแง่บวกต่อทิศทางใหม่ของเรา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นก็ตาม”
JTS เป็นเพียงหนึ่งในบริษัทไทยจำนวนมากที่กระโดดเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศการลงทุนครั้งแรกในการขุด Bitcoin ในเดือนนี้ ขณะที่ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ก็เข้าถือหุ้นในบริษัทสตาร์ทอัพสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน
ความกระตือรือร้นในคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ ได้ผลักดันให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ กระตุ้นให้หน่วยงานกำกับดูแลเสนอกฎที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ขณะที่ JTS ได้ประกาศเดินหน้าธุรกิจขุด Bitcoin อนุมัติงบลงทุน 3.3 พันล้านบาท ซื้อเครื่องขุด Bitcoin เพิ่มอีก 6,300 เครื่องในปีหน้า จากปัจจุบันดำเนินการขุดเหรียญด้วยจำนวนเครื่อง 300 เครื่อง โสรัชย์กล่าวว่า รายได้จากธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin จะเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมดภายในปี 2565
“เรายังมีความคิดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท การประเมินมูลค่า และการคาดการณ์รายได้ เนื่องจากการขุด Bitcoin นี้เป็นสิ่งใหม่มากในประเทศไทย” วิลาสินี บุญมาสูงทรง นักวิเคราะห์จาก Globlex Securities Co. กล่าว “แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนักลงทุนสำหรับการเป็นผู้บุกเบิกของประเทศ แต่มีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอยู่บ้าง”
ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า หน่วยงานกำกับดูแลวางแผนที่จะออกกฎเกณฑ์โดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อปกป้องระบบการเงินและนักลงทุน ขณะที่การหมุนเวียนของการแลกเปลี่ยนของคริปโตเคอร์เรนซีได้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2.21 แสนล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับ 18 พันล้านบาทในปีก่อนหน้า ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม กฎที่ออกมาจะไม่กระทบกับ JTS เนื่องจากบริษัทสามารถขายโทเคนดิจิทัลได้ทั่วโลก และธุรกิจการขุดจะทำกำไรได้ตราบใดที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งล่าสุด Bitcoin เพิ่งซื้อขายที่ประมาณ 51,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ รายได้สุทธิของ JTS ในช่วง 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 436% จากปีก่อนหน้าเป็น 150 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคมแบบดั้งเดิมเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP