J.P. Morgan สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า ปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กำลังบีบบังคับให้จีนต้องเร่งยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศแบบก้าวกระโดด ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทด้านนวัตกรรมต่างๆ ของจีนในระยะยาว
“หนึ่งในผลลัพธ์ที่ตามมาจากความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจคือ การตอกย้ำว่าจีนต้องพึ่งพาตัวเองทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ที่บีบบังคับจะทำให้นวัตกรรมต่างๆในจีนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด” Alexander Treves ผู้เชี่ยวชาญของ J.P. Morgan ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจโลก กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มี 7 ปัจจัย ที่รอบนี้แตกต่างจากวิกฤตการเงินปี 2008
- เปิด 5 สัญญาณอันตรายเศรษฐกิจ บ่งชี้โลกเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
นับตั้งแต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ปะทุขึ้น จีนได้เร่งลงทุนอย่างหนักในอุตสาหกรรมผลิตชิป ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตสินค้าสำคัญ เช่น โทรศัพท์มือถือ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยมุ่งมั่นที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีของต่างชาติให้ได้ในอนาคต
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Treves แนะนำให้นักลงทุนมองหาโอกาสทางการลงทุนในหุ้นบริษัทด้านนวัตกรรมของจีน ที่จะได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมระบุว่า นับจากต้นปีที่ผ่านมา J.P. Morgan เองก็มีการเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัทเทคฯ ของจีนเช่นกัน
“บริษัทเทคของจีนหลายแห่งมี Business Model ที่เทียบเท่ากับระดับโลก พวกเขามีตลาดรองรับที่ใหญ่ หลายบริษัทควรจะมีมูลค่าที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่สำคัญพวกเขายังทำกำไรได้ดีขึ้นเพราะแข่งขันกันเองน้อยลง J.P. Morgan เข้าลงทุนในบริษัทเทคฯ ของจีนในปีนี้ด้วยเหตุผลนี้” Treves กล่าว
อย่างไรก็ดี ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า Treves ระบุว่า J.P. Morgan ให้ความสนใจไปที่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่มากกว่าแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เนื่องจากไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าแบรนด์ใดจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
อ้างอิง: