×

ขัตติยาชี้ 1 ปีซ่อม 3 ปีสร้าง มั่นใจรัฐบาลรับไม้ต่อ ผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่อง

โดย THE STANDARD TEAM
12.09.2024
  • LOADING...

วันนี้ (12 กันยายน) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ วาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขัตติยา สวัสดิผล สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกของฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลว่า เหตุการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความกังวลใจให้แก่พี่น้องประชาชน และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากทั่วโลกว่า สภาวะสุญญากาศทางการเมืองนี้จะทำให้นโยบายต่างๆ ที่เศรษฐาเริ่มไว้ต้องยุติหรือไม่

 

แต่ในวันนี้ขัตติยาระบุว่า มั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารประเทศที่รับไม้ต่อจากรัฐบาลชุดก่อน และสร้างนโยบายใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงรวมถึงผลสำเร็จให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างแน่นอน อยากจะเรียกความต่อเนื่องนี้ว่า 1 ปีซ่อม 3 ปีสร้าง วางรากฐานโอกาสไทย

 

“1 ปีซ่อมของเศรษฐาเหมือนกับการปรับหน้าดินที่มีปัญหาให้กลับมาเป็นเนื้อดินที่อุดมสมบูรณ์ เป็นการเตรียมหน้าดินให้พร้อมลงเมล็ดพันธุ์ใหม่เพื่อการเพาะปลูกครั้งต่อไป ส่วน 3 ปีสร้างที่จะเกิดขึ้นกับแพทองธาร เปรียบเสมือนการหว่านเมล็ด ใส่ปุ๋ย รดน้ำ และพรวนดิน เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่เมล็ดพันธุ์ที่รัฐบาลชุดนี้จะเพาะปลูก และเตรียมรอรับดอกผลการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” ขัตติยากล่าว

 

ขัตติยากล่าวต่อว่า ในสมัยปี 2544 ซึ่งเป็นปีที่เพิ่งผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมาไม่นาน เราต้องยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจสมัยนั้นไม่ได้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างเท่าสมัยนี้ ประการแรก ในตอนนี้วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยที่เป็นฐานพีระมิดของระบบเศรษฐกิจไทย เขาขาดกำลังจับจ่ายใช้สอย ค่าแรงหรือรายได้โตไม่ทันกับรายจ่ายที่สูงขึ้น ไม่สามารถออมเงินได้ มีหนี้เรื้อรัง และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ จึงเกิดหนี้เสียสูงขึ้น

 

ประการที่สอง เศรษฐกิจไทยมักพึ่งพิงจากภายนอก แต่ในวันนี้ตัวเลขการส่งออกและการท่องเที่ยวถดถอยลง แต่การบริโภคภายในประเทศกลับไม่สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ไปข้างหน้าได้

 

ประการที่สาม ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศถดถอยลง ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยเกือบได้เป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย แต่มาวันนี้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลออกนอกประเทศ แม้ว่าการจัดอันดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเราจะอยู่ระดับที่น่าพอใจ แต่เมื่อเราไปดูอันดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษา ที่เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน การจัดอันดับส่วนนี้กลับอยู่ในระดับที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง และเรายังไม่พร้อมรับวิกฤตด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

 

“วิกฤตรอบด้านที่รัฐบาลต้องเผชิญเป็นโจทย์ที่ยากกว่าในอดีต การที่รัฐบาลจะทำสำเร็จได้ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ, วิสัยทัศน์, ประสบการณ์, เจตนารมณ์ทางการเมือง รวมทั้งพลังสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนมากกว่ารัฐบาลในอดีต เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จ แม้ภารกิจในการซ่อมแซมเพื่อพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาที่นำโดยเศรษฐา เราได้เห็นการปรับหน้าดินเพื่อซ่อมแซมและเตรียมความพร้อมให้ประเทศคืบหน้าไปแล้วหลายด้าน ทำให้ประเทศไทยที่เหมือนคนป่วยมานานกลับมามีแรงเดินหน้าต่อ จึงนับว่าเป็น 1 ปีในการปรับหน้าดินสังคมไทย เพื่อให้พร้อมรองรับต่อการยกระดับศักยภาพของประเทศ” ขัตติยากล่าว

 

ขัตติยากล่าวต่ออีกว่า มีคนพูดล้อเลียนว่า “อยากเห็นคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” แต่ตนคิดว่าหากเรามองประโยคนี้ด้วยใจที่เป็นธรรม ไม่มีอคติและความเกลียดชังทางการเมือง เราจะพบว่าประโยคดังกล่าวไม่ใช่คำพูดล้อเล่นหรือเรื่องตลกขบขัน แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้มีหลักการ 3 ข้อ ซึ่งสะท้อนถึงความฝันที่อยากเห็นสังคมที่ดี สังคมที่น่าอยู่ และสังคมที่มีความเป็นธรรม

 

เริ่มจากคำว่า ‘มีกินมีใช้’ คำนี้สะท้อนถึงสังคมที่มีระดับ มีการกระจายทรัพยากรทางเศรษฐกิจ การกระจายโอกาส และการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึง ทำให้สังคมนั้นไม่เหลื่อมล้ำจนเกินไป สังคมที่มีกินมีใช้คือสังคมที่ประชาชนสามารถเข้าถึงทรัพยากรและตนเองก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

คำว่า ‘มีเกียรติ’ สะท้อนถึงสังคมที่เคารพและยอมรับความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพ วัฒนธรรม ศาสนา และชาติพันธุ์ สังคมที่มีเกียรติคือสังคมที่อยู่ร่วมกับความแตกต่างได้ พลเมืองทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้จะแตกต่างกัน

 

ส่วนคำว่า ‘มีศักดิ์ศรี’ คำนี้สะท้อนให้เห็นสังคมที่มีรากฐานที่เข้มแข็งทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง พลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน จนทำให้สังคมนั้นมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากสังคมอื่น

 

ขัตติยากล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากความเชื่อมั่นของคนไทยทุกคนเอาไว้ที่นายกฯ และ ครม. ชุดนี้ เชื่อมั่นด้วยศักยภาพและวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย เราจะมีโอกาสเห็นประเทศนี้กลับมาเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหวัง เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความฝันและโอกาส รวมทั้งเป็นบ้านที่ทำให้คนไทยทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่ง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X