วานนี้ (15 มิถุนายน) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกา ลงนามรับรองในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อปกป้องสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) ในสังคมอเมริกัน และเพื่อปรามผู้ว่าการรัฐบางรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่และดำเนินนโยบายด้วยอคติทางเพศ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น LGBTQIA+
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพื่อจัดการกับนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมทางเพศ อาทิ ความพยายามของ รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา จากพรรครีพับลิกัน ที่ผลักดันกฎหมาย ‘Don’t Say Gay’ แบนและกีดกันคุณครูบางรายออกจากพื้นที่ของการสอนหนังสือ โดยพิจารณาจากอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายมาตรการที่ได้รับการผลักดันในรัฐที่ฝ่ายบริหารเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม ไม่ว่าจะเป็นการห้ามนักเรียนที่เป็นทรานส์เจนเดอร์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาภายในสถานศึกษา รวมถึงความพยายามในการส่ง LGBTQIA+ เข้ารับการบำบัด โดยหวังว่าพฤติกรรมการเบี่ยงเบนเหล่านั้นจะได้รับการรักษา
โดยรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มองว่ามาตรการเหล่านี้ไม่ใช่มาตรการของอเมริกันชน สิ่งเหล่านี้เต็มไปด้วยการเลือกปฏิบัติและอคติทางเพศต่อครอบครัวและเด็กๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุนชน LGBTQIA+ ในสหรัฐฯ ซึ่งไบเดนหวังว่าคำสั่งนี้จะช่วยป้องกันการโจมตีที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในสังคมนี้ได้มากยิ่งขึ้น
“คำสั่งของผมจะใช้อำนาจของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ป้องกันการกระทำที่ละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะการบำบัดพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
ไม่มีใครทราบดีไปกว่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก มีร่างกฎหมายที่เลือกปฏิบัติอีกราว 300 ฉบับที่นำมาใช้ในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศนี้ อย่างในเท็กซัส เคาะกันถึงหน้าประตูบ้าน สอบสวนพ่อแม่ของเด็กที่เป็นทรานส์เจนเดอร์
เรากำลังต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณของประเทศนี้ ผมมองไปรอบๆ ห้องนี้ เห็นพวกคุณทุกคนอยู่ที่นี่ เห็นถึงความแตกต่างหลากหลาย มันเป็นการต่อสู้ที่ผมรู้ว่าเราจะชนะ”
ไบเดนเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดินหน้าสนับสนุนความแตกต่างหลากหลายในสังคมอเมริกันอย่างมาก ตามแคมเปญหาเสียงที่เคยให้คำมั่นไว้กับพลเมือง LGBTQIA+ และกลุ่มผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศในช่วงเลือกตั้งปี 2020 โดยไบเดนระบุว่า “ความภาคภูมิใจ (Pride) ได้กลับมาที่ทำเนียบขาวแห่งนี้อีกครั้งวันนี้”
ภาพ: Nicholas Kamm / AFP
อ้างอิง: