×

โจ ไบเดน ในบทนักกีฬา ผู้ใช้เวลาในสนามจุดประกายไฟให้ชีวิต

09.11.2020
  • LOADING...
โจ ไบเดน ในบทนักกีฬา ผู้ใช้เวลาในสนามจุดประกายไฟให้ชีวิต

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • โจ ไบเดน ใช้กีฬาเพื่อลบความไม่มั่นใจจากการเป็นคนพูดติดอ่าง และเป็นการเปิดประตูให้กล้าเข้าสังคม และสังคมให้การยอมรับในตัวเขาในเวลาต่อมา
  • ไบเดน เป็นนักกีฬาที่เก่งกาจไม่เบา ในสมัยเรียนไฮสคูลในการเล่นอเมริกันฟุตบอล โดยเป็นส่วนหนึ่งของทีมอาร์คเมียร์ที่พิชิตแชมป์คอนเฟอเรนซ์แบบไร้พ่าย

ก่อนหน้าจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน เคยเป็นอะไรหลายอย่างมาแล้วในชีวิต 

 

ในวัยทำงานเขาผ่านการเป็นนักกฎหมายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดของสหรัฐอเมริกาด้วยวัยเพียง 30 ปี ซึ่งเขาอยู่ในบทบาทนี้มาเป็นระยะเวลาถึง 36 ปี ก่อนจะก้าวมาเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2008 และดำรงตำแหน่งนี้สองสมัย ในการทำงานร่วมกับ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดี

 

สิ่งเหล่านี้หลายคนน่าจะพอรู้แล้วจากเรื่องราวแง่มุมต่างๆ ในชีวิต 

 

แต่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่าไบเดน เคยเป็นนักกีฬาที่เก่งกาจมาก่อน

 

ในสมัยเป็นนักเรียนที่โรงเรียนอาร์คเมียร์ อคาเดมี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดให้เตรียมความพร้อมสำหรับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย นอกเหนือจากการเรียนแล้ว กีฬาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไบเดนทุ่มเทอย่างจริงจังไม่น้อย

 

เพราะการเล่นกีฬาสำหรับเขาแล้วมันคือช่วงเวลาที่เขาได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด และในเวลาเดียวกันกีฬาก็เป็นเหมือน ‘ใบเบิกทาง’ ที่ช่วยให้เขาได้เข้าสังคมกับเพื่อนด้วย

 

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะไบเดนเป็นคนมีปัญหาในเรื่องของการพูดติดอ่างในวัยเด็ก และมันกลายเป็นที่มาของสมญาของเขา ‘Dash’ ที่ไม่ได้หมายถึงการเป็นคนที่มีความว่องไวที่สุดในสนาม (แต่เขาก็เป็นคนที่ว่องไวไม่น้อย!) แต่หมายถึงการพูดติดอ่างของเขา ซึ่งไม่ใช่สมญาที่ดีเลย

 

เพียงแต่การพูดติดอ่างไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการวาดลวดลายในสนาม!

 

“ในขณะที่ผมไม่มีความมั่นใจในเรื่องทักษะของการสื่อสารด้วยคำพูด ผมมีความมั่นใจในเรื่องทักษะทางการเล่นกีฬาของผมเสมอ” ไบเดน เขียนเล่าเรื่องชีวิตนักกีฬาของเขาเอาไว้ในบันทึก Promises to Keep: On Life and Politics

 

“กีฬาเป็นธรรมชาติของผม ในขณะที่การพูดไม่ใช่สิ่งที่ผมทำได้เป็นธรรมชาติเลย และกีฬาก็กลายเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ผมได้รับการยอมรับและได้มากกว่านั้น”

 

 

โจ ไบเดน กับบันทึกผลงานในปี 1960 ของเขาที่พาทีมอาร์คเมียร์ไร้พ่าย

 

การเล่นกีฬาทำให้ไบเดนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น และการเล่นกีฬาก็เป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายเลือดนักสู้ในตัวของเขา

 

“ผมไม่ใช่คนที่จะยอมโดนข่มในเกม ดังนั้นต่อให้ผมพูดติดอ่างผมก็เป็นเด็กที่พร้อมจะตะโกนบอกคนอื่นเสมอว่า ‘ส่งบอลมาให้ผม’”

 

กีฬาโปรดของเขาคืออเมริกันฟุตบอล โดยไบเดนรับบทฮาล์ฟแบ็กและปีกนอก (Wide Reciever) ซึ่ง อี.จอห์น วอลช์ อดีตโค้ชของเขาได้เคยให้สัมภาษณ์เล่าความหลังเมื่อครั้งไบเดนเป็นลูกทีม กับหนังสือพิมพ์ The New York Times โดยบอกว่าไบเดน คือ “หนึ่งในตัวรับบอลที่ดีที่สุดที่ผมเคยคุมทีมตลอด 16 ปี”

 

ในช่วงที่วอลช์เข้ามารับตำแหน่งโค้ชใหญ่ของทีมอาร์คเมียร์ในปี 1960 ช่วงนั้น และได้เปลี่ยนแปลงทีมที่ไม่เคยชนะเกิน 2 นัดในช่วงเวลากว่า 12 ปีให้กลายเป็นทีมที่พิชิตแชมป์ในระดับคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วยสถิติชนะรวด 8-0 เกม ไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว หนึ่งในเหตุผลคือการที่เขามีไบเดนอยู่ในทีม

 

และนั่นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาภาคภูมิใจที่สุด เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุดช่วงหนึ่ง และสายสัมพันธ์กับวอลช์ ผู้เป็นโค้ชก็ยืนยงชั่วชีวิต

 

คำสอนของโค้ชเก่าเป็นสิ่งที่เขาจำขึ้นใจเสมอ “วอลช์พยายามกระตุ้นให้เราเล่นในแบบเดียวกับที่เราต้องการใช้ชีวิต คือการเล่นด้วยความรู้สึกที่ร้อนแรงและเต็มที่”

 

อีกสิ่งที่โค้ชสอนคือ “ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน โค้ชจะย้ำเสมอว่าสิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือคุณเป็นเพื่อนร่วมทีมของคนอื่นด้วย”

 

ทั้งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สานต่อชีวิตนักกีฬาอย่างสมบูรณ์นักเมื่อเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ เพราะมีปัญหาเรื่องเกรดที่ต่ำจนได้รับการร้องขอจากพ่อแม่ให้สนใจการเรียนก่อนการเล่นกีฬา และเมื่อกลับมาเล่นได้ไม่นานก็พบรักกับ นีเลีย ฮันเตอร์ ที่ต้องเลือกระหว่างความรักและกีฬา ซึ่งเขาเลือกความรักและลาออกจากทีมอเมริกันฟุตบอล

 

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากีฬาคือหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ค้ำยันชีวิตของเขา

 

จนถึงวันนี้ที่ได้เป็นบุรุษหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

FYI
  • ในปี 2012 ไบเดนถูกเชิญให้มามอบรางวัลแก่ อี.จอห์น วอลช์ ที่ได้รับเลือกให้เข้าสู่หอเกียรติยศของเดลาแวร์ และได้พบกับเพื่อนร่วมทีมเก่าในวันวานอีกครั้ง
  • ไบเดน เคยมีประเด็นเรื่องข้อมูล (ความจำ) ที่ผิดพลาดในระหว่างการหาเสียงที่โอไฮโอในปี 2012 โดยบอกว่าครั้งสุดท้ายที่เขามาเยือนเอเธนส์เป็นเกมระหว่างเดลาแวร์พบทีมโอไฮโอในปี 1963 และเดลาแวร์ของเขาชนะไป 29-12 ซึ่งแม้สกอร์จะถูกแต่เรื่องผิด เพราะเขาไม่ได้เล่นในทีมชุดนั้น
  • หลังจากที่ทิ้งการเล่นกีฬาเพื่อเลือกปลูกต้นรักกับ นีเลีย ฮันเตอร์ ทั้งสองได้แต่งงานกันในปี 1966 แต่นีเลีย และบุตรสาวเอมี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอีก 6 ปีต่อมา
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising