ใครที่เป็นแฟนตัวยงของแบรนด์ Jo Malone London น่าจะทราบดีว่าภายใต้อาณาจักรความหอมของแบรนด์นี้ล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์ความหอมที่น่าหลงใหลจนเลือกไม่ถูก แต่มีอยู่กลิ่นหนึ่งที่เป็นดาวเด่นของกลิ่นหอมที่ขายดีตลอดกาล นั่นคือกลิ่น English Pear & Freesia กลิ่นนี้มีอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความรื่นรมย์อย่างครบครันทั้ง Cologne, Home และ Bath & Body สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ English Pear & Freesia คือเสน่ห์ของกลิ่นหอมเกินต้านทานที่เพียงได้กลิ่นครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำของความหอมในตระกูล Fruity (Ripe Pear) ที่ผสมผสานเข้ากันกับกลิ่นอายของ Floral (White Freesia) บอกเลยว่าช่างเป็นแนวกลิ่นที่บาลานซ์กันได้อย่างลงตัวระหว่างกลิ่นผลไม้สดฉ่ำกับความหอมละมุนละไมจากดอกไม้ ทำให้ทุกคนต่างตกหลุมรักกลิ่น English Pear & Freesia จนทำให้เป็นที่นิยมและติดอันดับ Best Seller อันดับ 1 ของแบรนด์ Jo Malone London ตลอดมา
ด้วยเหตุนี้ THE STANDARD POP จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับต้นกำเนิดของเสน่ห์ความหอมอันน่าหลงใหลของกลิ่นหอม English Pear & Freesia กันแบบเจาะลึก เพื่อคลายข้อสงสัยว่า ทำไมนี่จึงเป็นกลิ่นหอมที่ได้รับความรักมากมายจากคนทั้งโลก ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย
แรงบันดาลใจเริ่มต้นของกลิ่นหอม English Pear & Freesia
Jo Malone London: ย้อนกลับไปในปี 2010 นับเป็นต้นกำเนิดครั้งแรกของกลิ่น English Pear & Freesia ที่คิดค้นขึ้นมาโดยทีม Perfumer ที่ตอนนั้นตอนนั้น Jo Malone London ยังไม่มีน้ำหอมที่มีกลิ่นผลไม้เป็นหลักเลย นอกจาก Nectarine Blossom & Honey ซึ่งมอบกลิ่นหอมที่ขี้เล่นและหอมหวานแบบพีช โดยแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังกลิ่น English Pear & Freesia คือทางแบรนด์ต้องการสร้างสรรค์กลิ่นหอมที่คาดไม่ถึง และสำรวจถึงผลไม้หลากหลายชนิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงมิติของความหวาน เพื่อนำมาผสมผสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่สง่างาม ดังนั้นแรงบันดาลใจของกลิ่น English Pear & Freesia จึงมาจากเสน่ห์ของสวนผลไม้สไตล์อังกฤษในช่วงเวลาฤดูร้อนที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ฤดูใบไม้ร่วงแบบพอดิบพอดี ทำให้แบรนด์ได้แรงบันดาลใจจากภาพของผลไมที่มีลูกสดฉ่ำ ลูกแพร์ที่เพิ่งสุกใหม่ๆ และยังได้แรงบันดาลใจจากบทกวีอันโด่งดังของ จอห์น คีตส์ ซึ่งกล่าวถึงฤดูใบไม้ร่วงที่ผลไม้สุกและดอกไม้ต่างก็กำลังให้ผลผลิตราวกับกำลังร่ายมนตร์ในช่วงเวลานี้ของปีนั่นเอง
สำรวจจุดเด่นที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของกลิ่น English Pear & Freesia
Jo Malone London: การที่กลิ่น English Pear & Freesia กลายเป็นกลิ่นที่ขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์ Jo malone London นั้น เนื่องจากเสน่ห์ของกลิ่นแนว Fruity ที่หอมอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งแต่ละกลิ่นหอมที่หลอมรวมกันเป็นกลิ่น English Pear & Freesia นั้นมีเอกลักษณ์ในแต่ละ Note ของแนวกลิ่น ที่กลายเป็นสไตล์อันโดดเด่นที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ เพราะมันคือความเป็น Jo Malone London Twist ที่เล่นกับความเซอร์ไพรส์ของกลิ่นหอมที่เป็นจุดแข็งสำคัญ แถมยังเป็นกลิ่นหอมของน้ำหอมในสไตล์ Chypre
ซึ่งมีส่วนสำคัญมากที่ทำให้กลิ่นของ English Pear & Freesia ของ Jo Malone London นั้นมีกลิ่นผลไม้หรือแนวฟรุตตี้ชีพร่า ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มีใครเหมือน ในแง่ของแนวกลิ่นจัดได้ว่าผสานกันไว้อย่างลงตัวระหว่างกลิ่นของผลไม้และดอกไม้ ซึ่ง Note ของกลิ่น English Pear & Freesia จำแนกออกมาเป็นกลิ่นในแต่ละ Note กลิ่นสัมผัสแรกคือ King William Pear กลิ่นสัมผัสกลางคือ Freesia และกลิ่นสัมผัสสุดท้ายคือ Patchouli
โดยท็อปโน้ตแรกที่เราจะได้กลิ่นนำมาเลยคือ English Pear Accord ที่มีกลิ่นของผลไม้และความชุ่มฉ่ำที่ลงตัว มีความนุ่มนวลที่ได้จากกลิ่นหอมของดอก Freesia สีขาวที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีบุคลิกกลิ่นหอมแบบดอกไม้ป่ามากกว่าที่จะเป็นกลิ่นหอมแบบดอกไม้ที่หอมจรุงและคลาสสิก ภายในกลิ่นหอมหลักของน้ำหอมนี้คือโมเลกุลของอำพันและ Patchouli หรือพิมเสนจากธรรมชาติ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มเสน่ห์อันน่าหลงใหลให้กับกลิ่น English Pear & Freesia มากขึ้น โดยทำให้ได้สัมผัสที่มีความหอมอย่างบางเบา ไม่รู้สึกหนัก นอกจากนี้ก็ยังมีกลิ่นของ Rose Accord บางๆ ที่ใจกลางของน้ำหอม ทำให้รู้สึกถึงแนวกลิ่น Chypre (ชีพ-ร่า) ที่มีความทันสมัย ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่ผสมผสานกันระหว่างกลิ่นผลไม้สุกฉ่ำกับกลิ่นดอกไม้ ท่ามกลางความอบอุ่นและความรู้สึกเย็นสบายของตัวเบสโน้ตหรือฐานโครงสร้างน้ำหอมด้วย English Pear & Freesia กลิ่นหอมที่เหมาะกับ Unisex
We Say: เสน่ห์ของน้ำหอม Jo Malone London ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือความเป็นน้ำหอมที่เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใดก็สามารถใช้น้ำหอมของ Jo Malone London ได้ เพราะมีแนวกลิ่นหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคน กลิ่น English Pear & Freesia ก็เป็นหนึ่งในกลิ่นที่ใช้ได้ในทุกวันและทุกวัย เสน่ห์ที่มากกว่าความหอมคือความสนุกของการใช้ผลิตภัณฑ์ Crossed-Category กันได้หมด โดยเฉพาะน้ำหอมนั้นมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นในการเป็น Scent Pairing ที่ผู้ใช้สามารถ สร้างสรรค์กลิ่นหอมในแบบของตัวเอง
จนก่อเกิดเป็นแนวกลิ่นใหม่ที่ถูกใจเฉพาะบุคคลให้ได้มิกซ์แอนด์แมตช์กันอย่างเพลิดเพลิน ยกตัวอย่างเช่น หนุ่มคนไหนที่ชื่นชอบเสน่ห์ความหอมแบบฉ่ำสดชื่นของ English Pear & Freesia แต่ไม่อยากให้ดูหวานเกินไป ก็สามารถเบรกความหวานให้ดูแมนขึ้นด้วยการ Pair กับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ได้ หรืออาจเลือกแนวกลิ่นเดียวที่เป็นกลุ่มความหอมแบบ Woody ซึ่งจะสตรองขึ้นมาอีกระดับ
แม้แต่ Nick Carvell นักเขียนเกี่ยวกับน้ำหอม ยังแนะนำให้ผู้ชายทุกคนลองมาใช้น้ำหอมกลิ่น Floral
Nick Carvell: ผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะห่างไกลกับการใช้น้ำหอมกลิ่น Fruity และ Floral นับว่าเป็นกลิ่นที่เราแทบไม่เคยได้สัมผัสเลย เนื่องจากสังคมและการตลาดกระแสหลักจะตีตราว่าน้ำหอมกลิ่นดอกไม้และผลไม้นั้นมีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กลิ่นหอมเหล่านี้ก็ควรค่าที่เราจะลองสำรวจ เพราะไม่เพียงจะทำให้เราสามารถออกนอกกฎเกณฑ์ของกลิ่นหอมเดิมๆ สำหรับผู้ชายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะว่าในฤดูร้อนกลิ่นของดอกไม้และผลไม้จะให้สัมผัสที่สามารถปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศที่อบอุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย เช่น น้ำหอม English Pear & Freesia Cologne ของ Jo Malone London เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจน้ำหอมกลิ่น Fruity และ Floral เพราะเป็นแนวกลิ่นที่มอบสัมผัสความหอมที่สะอาดและสง่างาม ใช้แล้วทำให้คุณรู้สึกราวกับกำลังเดินเล่นอยู่บนชายหาดในอิตาลี เป็นการยากมากที่คุณจะไม่นึกถึงสวนผลไม้ในอังกฤษเมื่อได้สัมผัสกับน้ำหอมกลิ่นนี้ คุณจะนึกถึงต้นไม้ที่พัดไสวอยู่ในท่ามกลางสายลมเย็น ในขณะที่คุณนั่งปิกนิกอยู่บนเสื่อบนพื้นสนามหญ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ยามบ่าย เป็นความรู้สึกรื่นรมย์และมีความสุข
เทคนิคการ Scent Pairing & Layering ที่ควรรู้
Jo Malone London: ทุกกลิ่นหอมของ Jo Malone London นั้นรังสรรค์ขึ้นด้วยส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์คือการผสมผสานกลิ่นหอมใหม่ออกมาได้อย่างลงตัว ซึ่งเรียกสิ่งนี้ว่า Scent Pairing ซึ่งสามารถทำได้กับผลิตภัณฑ์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Cologne + Cologne หรือ Home + Home นอกจากนี้ยังสามารสร้างประสบการณ์กลิ่นหอมพิเศษผ่านการทำ Scent Layering หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เลเยอร์ลงบนผิวกายร่วมกัน ซึ่งมักจะทำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันเช่น Bath & Body + Cologne
สำหรับกลิ่น English Pear & Freesia เป็นกลิ่นหอมที่เข้าได้กับทุกกลิ่นของ Jo Malone London เพื่อให้เกิดเป็นกลิ่นที่มีมิติมากขึ้น ดังนี้
- หากทำ Scent Pairing คู่กับกลิ่นในตระกูลอื่น เช่น Citrus, Floral หรือ Woody จะเข้าไปเพิ่มมิติความหอม สดใส ให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
- หากทำ Scent Layering ใน English Pear & Freesia Family กันเอง กลิ่นที่ได้นั้นจะมีความติดทนยาวนาน หอมกรุ่นมากขึ้น และผ่อนคลายที่สุด
ส่อง Collection สุดพิเศษของ English Pear & Freesia
We Say: สำหรับเสน่ห์ความหอมของ English Pear & Freesia Family นั้นมีให้เลือกหลากหลาย บอกเลยว่าตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Cologne หรือจะเป็นสาย Work from Home ที่อินกับการอยู่บ้านและสร้างบรรยากาศของการทำงานให้ผ่อนคลายและมีความสุขภายในที่พักอาศัยก็เหมาะกับกลุ่ม Home Fragrance ที่ประกอบด้วย Home Candle และ Diffuser หรือใครอยากเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ตอนอาบน้ำและประทินผิวก็มี Bath & Body ที่ประกอบไปด้วย Body & Hand Wash, Body & Hand Lotion และ Body Crème อย่างครบครัน
แต่ความพิเศษสุดๆ ของ English Pear & Freesia Collection ล่าสุดที่เราอยากให้โฟกัสตอนนี้คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ English Pear & Freesia Limited Edition ที่จะวางจำหน่ายเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2564 โดยจะมาพร้อมกับดีไซน์พิเศษ Fluted Edition ที่โดดเด่นด้วยขอบเหลี่ยมตามบริเวณแพ็กเกจจิ้งที่สื่อถึงความหรูหราในสไตล์ของ Jo Malone London
ผลิตภัณฑ์ที่กำหนดวางจำหน่ายในเดือนกันยายนมีดังนี้
- English Pear & Freesia Cologne – Fluted Bottle Edition ขนาด 30 มล. 2,800 บาท
- English Pear & Freesia Cologne – Fluted Bottle Edition ขนาด 50 มล. 3,800 บาท
- English Pear & Freesia Cologne – Fluted Bottle Edition ขนาด 100 มล. 5,600 บาท
- English Pear & Freesia Body & Hand Wash Limited Edition ขนาด 500 มล. 3,500 บาท
ภาพ: Jo Malone London
English Pear & Freesia Limited Edition ราคาเท่ากับรุ่นปกติ จุดแตกต่างอยู่ที่ดีไซน์ แต่ในเรื่องของความคุ้มค่านั้นยกให้ Body & Hand Wash ซึ่งรุ่นปกติขนาด 250 มล. ราคา 2,250 บาท ขณะที่ Limited Edition ขนาด 500 มล. ราคาเพียง 3,500 บาท ถือว่าได้ในปริมาณที่มากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่กำหนดวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม
- English Pear & Freesia Layering collection 4,800 บาท
ช่องทางการจัดจำหน่ายของแบรนด์ Jo Malone London
สำหรับแฟนๆ ที่สนใจผลิตภัณฑ์หรืออยากสอบถามข้อเสนอพิเศษ สามารถสอบถามผ่านทาง Jo Malone London LINE Official Account เพียงแอด LINE @jomalonelondonth นอกจากนี้ยังสามารถช้อปปิ้งได้ด้วยตนเองที่
- Jo Malone London Boutique ทุกสาขา ณ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงช่องทาง Chat & Shop ของห้างสาขานั้นๆ สามารถดูสาขาได้จาก Jo Malone London Facebook Fanpage
ช่องทางการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ 3 ช่องทาง ได้แก่
- Jo Malone London Online Boutique: www.JoMalone.co.th
- Central Online: www.central.co.th/th/jo-malone-london
- The Mall Online: www.monline.com/jo-malone-london