Rendezvous (n.) การนัดพบอย่างลับๆ ระหว่างคนสองคน, ชื่อแฟนคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดของ พัคจินยอง
นี่เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีของพัคจินยอง นักร้องและนักแสดงวัย 28 ปี จากวง GOT7 เขาคือสมาชิกคนเดียวของวงที่เดินหน้าเซ็นสัญญากับค่าย BH Entertainment เพื่อมุ่งเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว ซึ่งที่ผ่านมาจินยองก็ได้ฝากฝีมือการแสดงไว้ในหลากหลายผลงาน เช่น ซีรีส์ The Devil Judge, ซีรีส์ Yumi’s Cells, ซีรีส์ When My Love Blooms, ภาพยนตร์ Christmas Carol ฯลฯ
แม้ว่าจะตั้งใจพัฒนาตัวเองในสายงานนักแสดงมากแค่ไหน แต่จินยองก็ยังไม่ทิ้งเส้นทางดนตรี ที่นอกจากจะทำงานร่วมกับสมาชิก GOT7 แล้ว เขาเองก็ได้ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวของตัวเองออกมาเช่นกันในชื่อ DIVE ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะปล่อยอัลบั้มเต็ม Chapter 0: WITH ออกมาให้แฟนๆ ฟังกันในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างที่รู้กันดีว่า GOT7 เป็นหนึ่งในวงที่มาแสดงในประเทศไทยบ่อยมากๆ ตั้งแต่อยู่ภายใต้อดีตต้นสังกัดแล้ว และหลังจากสถานการณ์โควิดเบาบางลง สมาชิก GOT7 ก็แทบจะเป็นศิลปินเกาหลีใต้คนแรกๆ ที่มาแสดงในไทยเลยทีเดียว ซึ่งพัคจินยองก็ถือเป็นเมมเบอร์คนสุดท้ายที่มาแสดงในประเทศไทย
การแสดงในรอบกว่า 3 ปีของเขาครั้งนี้ใช้ชื่อว่า 2023 Park Jinyoung Fanconcert ‘Rendezvous’ in Bangkok: Secret Meeting Between You and Me เป็นงานคอนเสิร์ตผสมแฟนมีตติ้งที่กินระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมง ภายในพื้นที่ยูเนี่ยน ฮอลล์ ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ที่อบอวลไปด้วยความคิดถึง ความห่วงใย และคำสัญญา
จินยองเลือกเปิดการแสดงของเขาด้วยเพลง Coming Home เพลงจากอีพีอัลบั้ม Verse 2 ของ JJ Project (วงดูโอ้ระหว่างอิมแจบอมและพัคจินยอง) ที่เขามีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องด้วยตัวเอง ตามมาด้วย Cotton Candy เพลงไตเติลจากอัลบั้มล่าสุดของเขา
หลังจากเปิดงานด้วยเพลงเพราะๆ ไปแล้ว ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร ก็ขึ้นมาทักทายแฟนๆ อย่างเป็นทางการ พร้อมชวนพัคจินยองร่วมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าดีเจนุ้ยสามารถสร้างเสียงหัวเราะและเพิ่มสีสันให้กับหลายๆ กิจกรรมได้ดีมาก
โดยเรื่องที่พูดคุยก็มีตั้งแต่ผลงานการแสดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Dream High (2011), Beloved Eun-dong (2015), When My Love Blooms (2020), Christmas Carol (2022) และ Yumi’s Cells (2021) ตามมาด้วยการพูดคุยถึงรูปสุดเอ็กซ์คลูซีฟในโทรศัพท์ของจินยองที่แฟนๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนถ่ายทำเพลง LAST PIECE, ภาพตอนไปทัวร์คอนเสิร์ตกับสมาชิก หรือภาพช่วงเดบิวต์ใหม่ๆ ที่เมมเบอร์เป็นคนถ่ายให้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ จะได้รู้จักจินยองมากขึ้น และเพลิดเพลินไปกับความทรงจำอันล้ำค่าของศิลปินคนนี้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากการพูดคุยในเรื่องต่างๆ แล้ว ระหว่างทางก็ยังมีกิจกรรมสุดน่ารักมาให้เหล่าแฟนคลับได้ร่วมลุ้นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจับสลากเลือก Lucky Fan มาถ่ายรูปโพลารอยด์กับจินยอง การอวยพรวันเกิดให้กับแฟนๆ ที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ หรือการเลือกโพสต์อิทของแฟนคลับผู้โชคดีมาอ่านและรับของรางวัล
ระหว่างกิจกรรมเลือกโพสต์อิท จินยองใช้เวลานานมากๆ ในการมองโพสต์อิทแต่ละอันและเลือกมันขึ้นมา ซึ่งหลายๆ ข้อความบนโพสต์อิทที่ถูกเลือกมานั้นก็เป็นเรื่องที่น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย หนึ่งในข้อความที่เขาเลือกขึ้นมาก็คือข้อความจากแฟนคลับที่กำลังต่อสู้กับโรคหลอดเลือดในสมองโดยมีจินยองเป็นกำลังใจ และอีกหนึ่งข้อความก็คือข้อความจากแฟนคลับที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 ซึ่งระบุว่าตัวเองติดตามจินยองมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษา และกำลังจะเรียนจบในเร็วๆ นี้แล้ว
เป็นสองเรื่องราวที่ทำให้เราเข้าใจถึงการมีศิลปินสักคนเป็นพลังในการสู้กับอะไรสักอย่าง แฟนคลับคนแรกอาจจะกำลังสู้กับโรคร้าย ในขณะที่อีกคนกำลังสู้กับการศึกษา และแฟนคลับคนอื่นๆ เองก็คงมีจินยองเป็นกำลังใจที่จะสู้กับอะไรสักอย่างอยู่เช่นกัน
หลังจากกิจกรรมต่างๆ จบลง ดีเจนุ้ยก็ส่งไมค์ต่อให้พัคจินยองเพื่อเริ่มต้นการแสดงในช่วงครึ่งหลัง โดยครั้งนี้ศิลปินคนเก่งของอากาเซ (ชื่อแฟนคลับวง GOT7) เริ่มต้นโชว์ด้วยเพลง Letter และ Animal เพลงรักสุดเศร้าจากอัลบั้มล่าสุดของตัวเอง ตามมาด้วยเมดเลย์เพลงดังในยุคต่างๆ ของเขาที่ไล่เรียงตั้งแต่ BOUNCE, A, Just right, Hard Carry และ You Calling My Name
“จนกว่าจะถึงวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง ขอให้ทุกคนมีความสุขและรักษาสุขภาพอยู่เสมอนะครับ”
คำพูดจากจดหมายของจินยองที่ส่งถึงแฟนๆ ในช่วงสุดท้ายของงาน พร้อมกับเพลง Our Miracle และ Sleep Well ที่แทนถ้อยคำอำลาและความห่วงใยถึงอากาเซทุกคน ก่อนที่จินยองจะต้องเข้ารับราชการทหารตามกฎหมายของเกาหลีใต้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งก็แปลว่าบรรยากาศแบบนี้จะห่างหายไปอีกกว่า 2 ปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม จินยองก็ได้ทิ้งท้ายงานนี้ด้วยเพลงสนุกๆ อย่าง If You Do, Paradise, Fly และ Never Ever ก่อนจะปิดจบด้วยเพลงซึ้งๆ อย่าง ENCORE ที่ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศของ GOT7 ขึ้นมาเลยทีเดียว
“ไม่รู้ว่าผมจะได้กลับมาตรงนี้อีกเมื่อไร แต่ผมหวังว่าครั้งหน้าที่ผมกลับมา จะมีเมมเบอร์อีก 6 คนยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนด้วยนะครับ”
คำพูดของจินยองจากช่วงหนึ่งของคอนเสิร์ตที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่าไม่ใช่แค่แฟนๆ ที่คาดหวังจะเห็นเมมเบอร์ทั้ง 7 คนยืนอยู่บนเวทีเดียวกันอีกครั้ง แต่ศิลปินเองก็คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นและหวังให้มันเกิดขึ้นได้เหมือนกัน
ไม่ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน แต่เราเชื่อว่าแฟนคอนเสิร์ตครั้งนี้จะช่วยเติมพลังการรอคอยของแฟนๆ ได้อย่างแน่นอน และเราก็เชื่ออีกว่าสักวันหนึ่ง GOT7 ทั้ง 7 คนจะได้กลับมาแสดงที่ประเทศไทยด้วยกันอีกครั้งดังที่ทุกคนหวังเอาไว้