×

ไผ่-ไมค์ เบิกความต่อศาล หวั่นซ้ำรอยหมอหยอง-ปรากรม หลังผู้คุมพยายามนำตัวไปตรวจโควิด-19 ยามวิกาลหลายครั้ง

โดย THE STANDARD TEAM
22.03.2021
  • LOADING...
ไผ่-ไมค์ เบิกความต่อศาล หวั่นซ้ำรอยหมอหยอง-ปรากรม หลังผู้คุมพยายามนำตัวไปตรวจโควิด-19 ยามวิกาลหลายครั้ง

วันนี้ (22 มีนาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องคดีเป็นครั้งที่ 2 กรณี อานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ที่เขียนจดหมายคำร้องเล่าเหตุการณ์เกรงจะได้รับอันตรายถูกทำร้ายในเรือนจำ

 

โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัว อานนท์ นำภา, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ และ ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมาเป็นพยานเบิกความ

 

ทั้งนี้ภาณุพงศ์เบิกความในฐานะพยาน สรุปได้ว่า วันที่ 15 มีนาคมที่เกิดเหตุนั้น เมื่อตนกับพวกนั่งรถตู้ของกรมราชทัณฑ์มาถึงเรือนจำ ได้ผ่านการล้างมือตรวจคัดกรอง ผ่านการค้นตัวเปลี่ยนชุดและนำตัวไปยังแดน 2 ห้องคุมขังหมายเลข 7 ซึ่งไปถึงเป็นเวลาช่วงหัวค่ำแล้ว ตนและพวกจึงได้ปูที่นอนกระทั่งดูโทรทัศน์ จนถึงเวลา 21.30 น. เมื่อทางราชทัณฑ์มีการปิดทีวีแล้ว อีกประมาณ 5 นาทีก็ปรากฏมีเจ้าหน้าที่หลายคนมายังห้องควบคุมเพื่อต้องการแยกพวก 3 คนไปยังสถานพยาบาล ได้แก่ ตนเอง, ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ และจตุภัทร์ พวกตนได้ปฏิเสธเนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาดึกแล้วและต้องการพักผ่อน ขอเลื่อนไปตรวจพรุ่งนี้แทน เจ้าหน้าที่ก็กลับไป

 

จากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่พยาบาลมาขอตรวจโดยการใช้สำลีป้ายจมูกเพื่อนำสารคัดหลั่งไปตรวจโควิด-19 แต่พวกตนปฏิเสธ เนื่องจากตนกลัวว่าจะมีป้ายยาอย่างอื่นหรือวางยา และตนได้ผ่านการตรวจคัดกรองมาแล้วเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงกลับออกไป

 

ต่อมาเวลาประมาณ 00.15 น. ของวันที่ 16 มีนาคม มีเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์จำนวนมาก และเจ้าหน้าที่พยาบาลมาขอตรวจโควิค-19 โดยครั้งนี้จะตรวจทุกคนทั้งหมดในห้องขังหมายเลข 7 ที่มีประมาณ 20 คน ซึ่งทุกคนยินยอมตรวจหมด ยกเว้นพวกตน 7 คน ได้แก่ ตนเอง, อานนท์ นำภา, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, ปิยรัฐ จงเทพ, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข

 

จากนั้นเป็นเวลาประมาณ 02.00 น. มีผู้คุมใส่ชุดกากีและชุดดำมากกว่า 15 นาย รอบนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่พยาบาลมาด้วย แจ้งว่าจะขอย้ายพวกตนทั้ง 7 คนไปยังเรือนพยาบาลจากที่เคยแจ้งว่าจะขอย้ายเพียง 3 คนในครั้งแรก พวกตนจึงเกิดความรู้สึกกังวลและกลัว เนื่องจากเคยฟังข่าวว่ามีการแยกผู้ต้องขังไปทำร้ายในเวลากลางคืน อย่างเช่น สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และ พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา ซึ่งทั้งสองคนเสียชีวิตภายในเรือนจำ

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้แยกผู้ต้องขังคนอื่นในห้องที่มีการตรวจสารคัดหลั่งแล้วไปยังห้องควบคุมที่ 10 ทั้งที่ผู้ต้องขังห้องที่ 10 ยังไม่ผ่านการตรวจโควิด-19 แต่อย่างใด หากจะคัดแยกการตรวจคัดกรองโรคจริงไม่น่าจะกระทำเช่นนั้น ในห้องขังเหลือเพียงพวกตน 7 คนเท่านั้น ทุกคนรู้สึกกลัวมาก โดยมีปิยรัฐอาสาเฝ้าเวรจนถึงเช้า จากนั้นพอเวลาเช้าแล้วก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งไปตรวจโควิด-19 แต่อย่างใด พวกตนทั้ง 7 ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่ห้องเดิม

 

ด้านจตุภัทร์เบิกความแถลงต่อศาลช่วงต้นลักษณะคล้ายคลึงกันกับภาณุพงศ์ แต่มีใจความเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีตอน 02.00 น. ของวันที่ 16 มีนาคม มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประมาณ 20 คน ทั้งใส่ชุดสีกากีและใส่ชุดดำไม่ติดป้ายชื่อ มาพร้อมกล้องวิดีโอ 2 ตัว และกล้องถ่ายภาพนิ่ง 1 ตัว โดยมาขอย้ายทั้ง 7 คนไปเรือนพยาบาล ซึ่งขณะนั้นตนเห็นว่าผิดปกติ จึงได้นำสมุดมาจดรายละเอียดตามช่วงเวลา และขอถามชื่อผู้คุมที่ไม่ติดป้าย แต่เจ้าหน้าที่ไม่บอก คราวนี้ไม่มีพยาบาลติดตามมาเหมือนครั้งก่อนๆ ด้วย พวกตนจึงปฏิเสธและรู้สึกผิดวิสัย เนื่องจากใน 6 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการพยายามนำพวกตนออกจากห้องคุมขังหลายครั้ง เมื่อถามว่าทำไมถึงย้ายในเวลานี้ก็ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งตนเกิดความกลัวเนื่องจากมีเพื่อนผู้ต้องขังเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้มีผู้ต้องขังถูกนำออกไปจากห้องในยามวิกาลเช่นนี้เพื่อไปทำร้าย บางคนได้รับบาดเจ็บกลับเข้ามา บางคนก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

 

โดยจำเลยทั้งสองยังได้ยืนยันกับศาลว่า ในตอนช่วงเช้าวันต่อมา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ไม่ได้นำตัวจำเลยทั้งหมดไปตรวจโควิด-19 ตามที่ได้เเจ้งกับจำเลยไว้เมื่อคืนตอนเกิดเหตุ

 

จากนั้นศาลได้ประกาศพักเที่ยงและดำเนินการไต่สวนในช่วงบ่ายต่อ

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising