วานนี้ (28 ธันวาคม) สำนักข่าวท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นอาจประกาศยุบสภา เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด ก่อนประกาศขึ้นภาษีหางบประมาณสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะถือเป็นการเพิ่มงบกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของญี่ปุ่น
เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่า รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้เริ่มจ่ายภาษีมากขึ้นเมื่อใด แต่คาดว่าการขึ้นภาษีจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างปี 2024-2027 และเกิดขึ้นภายหลังการจัดการเลือกตั้งระดับชาติ ก่อนกำหนดการเดิมที่จะมีขึ้นก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2025
คิชิดะเผยว่า ทางการญี่ปุ่นมีแผนจะปรับเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงของประเทศราว 60% ในช่วงระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่สถานการณ์ด้านความมั่นคงในประชาคมโลกไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายฝ่ายในญี่ปุ่นแสดงความกังวลต่อการทำสงครามรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย ประกอบกับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นบริเวณช่องแคบไต้หวัน และการเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศที่มีรัฐธรรมนูญฉบับสันติอย่างญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดค่าใช้จ่ายทางทหารไว้ที่ประมาณ 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมานานหลายทศวรรษ
ผลโพลสำรวจความคิดเห็นของหลายสำนักชี้ว่า พลเมืองผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ต้องการเพิ่มงบประมาณในการป้องกันประเทศ แต่แนวคิดที่จะขึ้นภาษีเพื่อหางบสนับสนุนนั้นกลับไม่เป็นที่นิยมและได้รับกระแสต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ญี่ปุ่นเผชิญกับวิกฤตอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่โดย Sankei Shimbun และสถานีกระจายภาพและเสียง FNN ในเดือนธันวาคมนี้ พบว่า เกือบ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษี ส่งผลให้คะแนนนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้การนำของคิชิดะตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีวาระ 4 ปี จะไม่หมดวาระลงจนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม 2025 และพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นเองก็อยู่ในภาวะระส่ำระสาย แต่ระดับคะแนนนิยมที่ลดลงนั้นก็ยิ่งทำให้คิชิดะควบคุมพรรคลิเบอรัลเดโมเครติก (LDP) ของตน และผลักดันนโยบายต่างๆ ผ่านทางรัฐสภาได้ยากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงสมาชิกรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญในการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน
ภาพ: Yoshikazu Tsuno / Pool / AFP
อ้างอิง: