Teikoku Databank บริษัทวิจัยชั้นนำในญี่ปุ่น เปิดเผยผลสำรวจอุตสาหกรรมแอนิเมชันและการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและทำรายได้อย่างดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยพบว่าวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิดทำให้อุตสาหกรรมแอนิเมชันของประเทศปรับตัวร่วงลง 1.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แม้จะมีแอนิเมชันชื่อดังและทำเงินอย่างล้นหลามอย่าง ‘Demon Slayer’ (ดาบพิฆาตอสูร) ซึ่งทำรายได้จากโรงภาพยนตร์ได้มากกว่า 40,000 ล้านเยน เป็นตัวชูโรงให้อุตสาหกรรมอนิเมะในปีที่แล้ว คึกคักโดดเด่นแซงหน้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ตาม
ผลสำรวจพบว่า ปีที่แล้วยอดขายทั้งหมดของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 251,100 ล้านเยน ลดลงจากปีก่อนหน้า (2019) ซึ่งอยู่ที่ 255,700 ล้านเยน
ทั้งนี้ วิกฤตโควิดนอกจากจะทำให้ยอดขายลดลงแล้ว ยังส่งผลต่อกระบวนการผลิตแอนิเมชันของหลายสตูดิโอ จึงส่งผลต่อรายได้ โดยสตูดิโอที่เข้าร่วมการสำรวจ 300 แห่ง ต้องเผชิญยอดขายที่ลดลงเฉลี่ย 48.6%
ขณะเดียวกันทิศทางอุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นยังไม่ค่อยสดใสสักเท่าไรนัก เนื่องจากมีบริษัทคู่แข่งอย่างสตูดิโอสัญชาติจีนที่กำลังเร่งรุกตลาดแอนิเมชันอย่างจริงจัง ด้วยการทุ่มเงินจ้างนักวาดและเข้าซื้อสตูดิโอของญี่ปุ่น บวกกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพด้านกำลังคนและกระบวนการผลิต ทำให้ไม่กี่ปีที่ผ่านมาแอนิเมชันจีนได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ Global Times รายงานยอดใช้จ่ายในช่วงวันเทศกาลแห่งความรักของชาวจีน หรือเทศกาลชีซี (Qixi Festival) ซึ่งตรงกับวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้จะมีการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด โดยบรรดาคู่รักต่างควักเงินหาซื้อดอกไม้ ช็อกโกแลต และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ รวมถึงควงกันไปทานดินเนอร์ตามร้าน หรือสั่งกลับมาทานที่บ้านอย่างคึกคัก
นักวิเคราะห์ประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยเฉพาะความต้องการบริโภคภายในประเทศที่มีแนวโน้มจะโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่ากำลังการบริโภคภายในประเทศของจีนปีนี้จะโตเฉลี่ยอย่างน้อย 6-8%
จากการสำรวจของ Global Times พบว่าร้านดอกไม้มียอดสั่งจองดอกไม้ในวันดังกล่าวอย่างน้อย 150 ออร์เดอร์ จากวันปกติที่อยู่ระหว่าง 10-15 ออร์เดอร์เท่านั้น ขณะที่ยอดขายช็อกโกแลตพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 20,000 หยวน จากยอดขายปกติที่อยู่ที่ประมาณ 5,000 หยวนต่อวัน
อ้างอิง:
