อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) รัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) อายุ 20 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบหลายทศวรรษในวันนี้ (21 สิงหาคม) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางการคลังของรัฐบาล และอุปสงค์ที่ลดน้อยลงจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพิเศษ (Super-long Yield) รุ่นอายุ 20 ปี ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.655% ในช่วงสั้นๆ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1999 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำคัญของตลาด ก็ไต่ขึ้นสู่ระดับ 1.61% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ก็ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 3.18% เข้าใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3.2% ที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
การปรับตัวขึ้นของยีลด์ครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลพ่ายแพ้การเลือกตั้งสภาสูงเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจนำไปสู่การออกพันธบัตรในปริมาณที่เพิ่มขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อพันธบัตรระยะยาวที่ตึงตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ ความกังวลด้านเงินเฟ้อ ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันพันธบัตรระยะยาวพิเศษ และเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ในขณะเดียวกัน อุปสงค์จากนักลงทุนก็อ่อนแอลงอย่างชัดเจน ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้าหลักทรัพย์ญี่ปุ่นระบุว่า ยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 10 ปี ลดลงเหลือเพียง 4.8 แสนล้านเยน หรือราว 1.1 แสนล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของยอดซื้อในเดือนมิถุนายน
การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคธุรกิจ เนื่องจากยีลด์ดังกล่าวถูกใช้เป็นมาตรวัดต้นทุนการกู้ยืมระยะยาว และมีอิทธิพลต่อทุกอย่างตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปจนถึงการตัดสินใจทางการเงินของบริษัทต่างๆ
บอนด์ยีลด์จีนพุ่งสูงสุดรอบปี แต่จากสาเหตุเชิงบวก
ขณะที่บอนด์ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลจีน อายุ 30 ปี ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีนี้ แต่เป็นผลจากมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวดีขึ้น ตรงข้ามกับสาเหตุการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น
การเพิ่มขึ้นของบอนด์ยีลด์จีนเป็นผลมาจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตร เพื่อโยกย้ายเงินทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีของจีน ปรับตัวสูงขึ้น 0.01% แตะระดับ 2.12% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีน ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วเช่นกัน
แคลร์ เกา นักกลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยของ Nomura Holdings Inc. กล่าวว่า “การเทขายพันธบัตรระยะยาวรอบล่าสุดนี้มีสาเหตุหลักมาจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้น ผ่านการโยกย้ายเงินทุนระหว่างตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร”
อย่างไรก็ตาม แม้อัตราผลตอบแทนจะยังคงขยับสูงขึ้น แต่ความคาดหวังว่าจะเกิดการเทขายอย่างรุนแรง (Sharp Selloff) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ให้การสนับสนุนตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันความผันผวนรุนแรง ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนในตลาดก็เริ่มมองว่าการเทขายครั้งนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้พันธบัตรมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง
ภาพ: Torsten Asmus / Getty Images
อ้างอิง: