×

เจมส์ คาเมรอน เด็กชายผู้เริ่มต้นความฝันอันยิ่งใหญ่ จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ และโลกพิศวงใต้ทะเลลึก

16.08.2019
  • LOADING...
James Cameron

ผลงานที่เคยยืนหนึ่งในระดับท็อปบ็อกซ์ออฟฟิศของโลกอย่าง Titanic (1997) และ Avatar (2009) นั้นพิสูจน์มันสมองและจินตนาการอันยิ่งใหญ่ของ เจมส์ คาเมรอน ได้เป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าเมื่อตั้งใจจะหยิบจับทำอะไร ลุงเจมส์ก็มักจะคิดใหญ่ ทำใหญ่ มองล้ำหน้าไปไกล ล้ำหน้าชาวบ้านหนึ่งก้าวอยู่เสมอ

 

แต่ท่ามกลางเสียงยกย่องพร้อมสปอตไลต์ที่ฉายส่องในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ระดับท็อปโลก เขาก็มีชีวิตอีกด้านในฐานะ ‘นักสำรวจทะเลลึก’ ที่เขาหลงใหล คลั่งไคล้ และแน่นอนว่าความลึกลับยิ่งใหญ่ของโลกใต้ทะเลลึกนี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโคตรฮิตอย่างที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง 

 

ว่ากันว่าถ้าคุณอยากเริ่มต้นรู้จักใครสักคน ก็จงมองให้ลึกเข้าไปในผลงานของเขา เช่นเดียวกับการทำความรู้จักกับ เจมส์ คาเมรอน ที่ลึกขึ้นจนถึงแก่น บางทีเส้นทางนั้นอาจจะหมายถึงช่วงเวลาที่เขาเล่าถึงตัวเองในเวลาได้ดำดิ่งลงไปที่ใต้ผืนมหาสมุทรด้วยแววตาเป็นประกาย

 

เมื่อลิสต์ดูรายชื่อผลงานอย่าง The Terminator (1984), The Abyss (1989), Terminator 2: Judgment Day (1991), Titanic (1997) และภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล Avatar (2009)

 

เราจะพบว่ามันเต็มไปด้วยส่วนผสมทั้งศาสตร์และศิลป์ ความคลั่งไคล้ต่อวิทยาศาสตร์ โลกแห่งจินตนาการล้ำหน้าผ่านเทคนิคอันทันสมัยใหญ่โต ทุนสร้างมหาศาล ขณะเดียวกันผลงานเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยความงามทางศิลปะที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว 

 

james-cameron

james-cameron

 

‘ศาสตร์’ และ ‘ศิลป์’ ที่หลอมอยู่ในตัวเขานี่ก็บอกเลยว่าไม่ใช่ความบังเอิญ เพราะถ้าส่องกล้องจุลทรรศน์ลงไปในชีวิตระหว่างวัยเด็กจวบจนถึงวัยหนุ่ม คุณก็จะพบรายละเอียดแห่งชีวิตของไอ้หนุ่มอดีตสิงห์รถบรรทุกชื่อ เจมส์ คาเมรอน ได้เป็นอย่างดี 

 

“ผมเติบโตมากับการบริโภคนวนิยายวิทยาศาสตร์อย่างสม่ำเสมอ” เขาก้าวขึ้นไปยืนเป็นสปีกเกอร์บนเวที TED Talks โดยย้อนกลับไปเล่าถึงแรงบันดาลใจจากนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่เป็นโลกแห่งจิตนาการความใฝ่รู้ ขณะเดียวกันก็รวมไปถึงความสามารถทางศิลปะ ความคลั่งไคล้ในโลกใต้ทะเล ซึ่งทั้งหมดหล่อหลอมเป็นตัวเขาในแบบที่โลกรู้จักเอาไว้บนเวที TED Talks ในหัวข้อ Before Avatar … a curious boy

 

“ในช่วงมัธยมปลาย ผมขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน ไปชั่วโมงกลับอีกชั่วโมงทุกวัน และผมก็มักจะขลุกอยู่กับนวนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งพาจินตนาการของผมเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง ผมรู้สึกสนุกสนานกับเรื่องเล่า ที่ช่วยตอบความอยากรู้ที่ผมมีอยู่อย่างมากมาย

 

“นอกจากนี้ผมยังเป็นศิลปิน ผมวาดรูป ลงสี คุณคงนึกออก พวกเราทุกคนตอนเด็กๆ ก็เคย อ่านหนังสือแล้วก็จินตนาการจากคำบรรยายของผู้เขียน วาดภาพอะไรบางอย่างในจอภาพยนตร์ที่อยู่ในหัวของเรา ดังนั้นปฏิกิริยาของผมต่อสิ่งเหล่านี้ก็คือ ผมวาดรูปต่างๆ ทั้งสัตว์ประหลาดนอกโลก โลกของมนุษย์ต่างดาว หุ่นยนต์ ยานอวกาศ อะไรแบบนั้นน่ะครับ ผมโดนจับได้ตลอดในชั่วโมงเลขว่าแอบวาดรูปในหนังสือเรียน นั่นคือความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการหาทางปลดปล่อย” 

 

 

TED Talks ออริจินัลของ เจมส์ คาเมรอน

 

เจมส์ยังเล่าถึงความสนใจในโลกใต้ทะเลลึก ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจนี้มาจากรายการสารคดีทางทะเลของ Jacques Cousteau นักสำรวจ นักนิเวศวิทยา นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักเขียน นักสมุทรวิทยาที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของโลก และนักสร้างภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส 

 

และความหลงใหล คลั่งไคล้ในโลกที่ทั้งสวยงาม ลึกลับ แสนพิศวงใต้น้ำนี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของผลงานหนังดัง อาทิ The Abyss (1989), Titanic (1997) และมันก็ยิ่งพิสูจน์ชัดเจนขึ้นไปอีก หลังจากที่เขาลงมือลงแรงผลิตภาพยนตร์สารคดี Deepsea Challenge 3D (2014) ที่ตนเองจะต้องเป็นผู้ดำลงไปในจุดที่ลึกที่สุดใต้มหาสมุทร

 

“ผมตัดสินใจเป็นนักดำน้ำตั้งแต่ตอนอายุ 15 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตลอดช่วงเวลาทั้งหมด 40 ปี ผมใช้เวลาประมาณ 3,000 ชั่วโมงอยู่ใต้น้ำ และอีก 500 ชั่วโมงอยู่ในเรือดำน้ำ เรียนรู้เกี่ยวกับนิเวศของท้องทะเลลึก หรือแม้แต่ในบริเวณน้ำตื้นว่ามันช่างอุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่น่าตื่นตาตื่นใจ เหนือจินตนาการของเรา จินตนาการของธรรมชาติช่างไร้ขอบเขตกว่ามาก เมื่อเทียบกับจินตนาการของเรา จินตนาการที่คับแคบของมนุษย์ 

 

“จนถึงทุกวันนี้ ผมยังคงยืนตะลึงกับสิ่งที่ผมเห็น เวลาที่ผมดำน้ำ และความรักของผมที่มีกับท้องทะเลก็ยังคงอยู่”

 

และถ้าคุณเชื่อว่าการเติบโตของชีวิตมนุษย์ก็คือความเชื่อมโยงต่อจุดจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง มันก็มาถึงบทสรุปที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตของเด็กชายเจมส์ คาเมรอน จนกระทั่งถึงช่วงชีวิตอันสำคัญที่เขากำลังจะกลายเป็นผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ 11 สาขา โดยเฉพาะสาขาหลักอย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Titanic (1997) ซึ่งเขาก็บอกความลับเกี่ยวกับแรงบันดาลใจการสร้างไว้อย่างน่าสนใจว่า 

 

“อย่างที่บอก ตอนเด็กๆ ผมวาดรูปการ์ตูน และภาพอื่นๆ อยู่เสมอ ดังนั้นการสร้างภาพยนตร์จึงเป็นวิธีที่จะเอาภาพและเรื่องราวมารวมกัน แล้วทำให้มันมีความหมาย และแน่นอนว่าเรื่องที่ผมเลือกจะเล่าก็ต้องเป็นเรื่องแนววิทยาศาสตร์ ทั้ง ‘คนเหล็ก’ (The Terminator, Terminator 2: Judgment Day) ‘เอเลี่ยน’ และ ‘ใต้ทะเลลึก’ (Aliens, The Abyss, Titanic) ในเรื่องใต้ทะเลลึก ผมรวมเอาความรักต่อโลกใต้ท้องทะเลและการดำน้ำมารวมกับการทำหนัง เอาสิ่งที่ชอบมารวมกัน 

 

รู้ไหมผมเข้าไปขายงานเรื่องนี้ (หมายถึง Titanic) กับสตูดิโอว่ามันคือโรมิโอกับจูเลียตบนเรือ “มันจะเป็นเรื่องราวความรักที่น่าจดจำ เป็นหนังรัก” แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่ผมอยากทำคือ ผมอยากจะดำลงไปที่ซากเรือไททานิกที่จม นี่ต่างหากสาเหตุที่ผมทำหนังเรื่องนี้ นี่เป็นความจริง 

 

“ตอนนั้นสตูดิโอไม่รู้เรื่องนี้นะ ผมโน้มน้าวพวกเขา ผมพูดว่า “เราจะดำลงไปที่ซากเรือ ลงไปถ่ายซากเรือจริงๆ เราจะใช้มันเป็นส่วนเปิดตัวของหนัง มันสำคัญมาก มันจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำการตลาดให้เรา” แล้วผมก็โน้มน้าวให้พวกเขามอบเงินสำหรับการดำน้ำสำรวจจนได้ 

 

“6 เดือนหลังจากนั้น ผมอยู่ในเรือดำน้ำรัสเซีย ลึกลงไปสองไมล์ครึ่ง ใต้มหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ มองดูซากเรือไททานิกจริงๆ ผ่านช่องส่อง ไม่ใช่ในหนัง ไม่ใช่ภาพ HD แต่เป็นการมองของจริง”

 

15 สิงหาคม 2562 สุขสันต์วันเกิดแด่ เจมส์ คาเมรอน ชายผู้มีฝันและจินตนาการอันยิ่งใหญ่ 

 

james-cameron james-cameron james-cameron

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

ขอบคุณข้อมูล  

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X