“This is Jackson Wang, Magic Man is coming, let’s go!!” หรือ “นี่คือ แจ็คสัน หวัง Magic Man กำลังมาที่นี่ ไปกันเลย!!” คือคำกล่าวสุดท้ายในคลิปที่บอกถึงแฟนๆ ชาวไทย หลังจากที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ‘แจ็คสัน หวัง’ ศิลปินชื่อดังจากวง GOT7 เตรียมขึ้นแสดงก่อนเกมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สำหรับ ‘THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022’ ศึกแดงเดือดระหว่างสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสโมสรลิเวอร์พูลในประเทศไทย
แน่นอนว่าข่าวนี้ออกไป สิ่งที่ตามมาคือความตื่นเต้นของแฟนคลับที่อยากเข้าไปเห็นการแสดงของศิลปินที่ตัวเองรัก ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เกิดคำถามว่า การเปิดตัวแจ็คสันในช่วงเวลานี้ ฝ่ายจัดแข่งกำลังคาดหวังที่จะใช้พลังแฟนคลับในการซื้อบัตรที่ยังเหลืออยู่หรือไม่ เพราะอย่างที่รู้กัน หากเป็นเรื่องศิลปินที่รัก ไม่ว่าเท่าไรแฟนคลับก็พร้อมเปย์
“ผมยืนยันว่า เราไม่ได้ดึงแจ็คสัน หวัง มาเพื่อกระตุ้นให้แฟนคลับซื้อบัตรการแข่งขัน” วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดศึกแดงเดือดที่กำลังจะเข้ามาเตะที่ไทย ซึ่งถือเป็นการออกมาเตะกันนอกอังกฤษรอบ 100 ปี กล่าวเป็นที่แรกกับ THE STANDARD WEALTH
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- THE MATCH แดงเดือดที่ไทย เตรียมถ่ายทอดสดในโรงหนังทั่วประเทศ พร้อมการแสดงจาก แจ็กสัน หวัง GOT7
- ใครจองตั๋วไม่ทันมารวมกันตรงนี้! AIS เตรียมถ่ายทอดสดศึกแดงเดือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล นัดประวัติศาสตร์ในไทย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสนาม
- Super Bowl Halftime Show 2022 โชว์ที่สะท้อนพลังและอิทธิพลของแนวเพลงฮิปฮอป
วินิจกล่าวต่อว่า ตามแผนตั้งแต่แรก ก่อนการแข่งขันจะมีการแสดงเปิดของศิลปิน ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการที่จะสร้างประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสำหรับแฟนบอลที่เข้าชม ให้มีทั้ง Sport และ Entertainment เต็มรูปแบบเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด
“ในตอนแรกเรามองทั้งศิลปินไทย ศิลปินเกาหลี รวมไปถึงศิลปินระดับโลก สุดท้ายมาได้แจ็คสัน หวัง ซึ่งเป็นศิลปินที่โด่งดังมากในเอเชีย เพราะช่วงจังหวะของคิวได้พอดี”
การเกิดคำถามเรื่องหวังใช้พลังแฟนคลับมาซื้อบัตรไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจากบัตร 59,000 ใบ โดยบัตร 90% ได้ขายหมดไปแล้วตั้งแต่ช่วงที่เปิดขาย เหลืออยู่ราว 8,000-9,000 ใบ ซึ่งฝ่ายจัดได้ตัดสินใจดึงตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่เป็นโควตาไว้สำหรับขายแฟนคลับจากต่างประเทศกลับมาขายให้กับแฟนกีฬาในประเทศไทย ในราคา 12,000 / 15,000 / 20,000 / 22,000 / 25,000 บาท
วินิจระบุว่า การแสดงของศิลปินในการแข่งขันกีฬาแมตช์ใหญ่ๆ อาจเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นชินสำหรับคนไทย แต่หากหันไปมองการแข่งขันระดับโลก เช่น Super Bowl ก็มีการแสดง Halftime Show ซึ่งที่ในปีนี้ได้สุดยอดศิลปินของวงการฮิปฮอป ทั้ง Dr. Dre, Snoop Dogg, Mary J. Blige, Eminem และ Kendrick Lamar มาแสดง ณ SoFi Stadium เมืองอิงเกิลวูด ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
“เฉพาะการแสดงโชว์ผมใช้งบถึง 20 ล้านบาท ซึ่งจริงๆ ผมจะไม่ใช้เงินกับส่วนนี้ก็ได้” วินิจกล่าว “เหตุที่ใช้เงินจำนวนมากเพราะแจ็คสันไม่ได้ขึ้นร้องแค่ 2-3 เพลง แต่จะแสดงเต็มรูปแบบพร้อมแดนเซอร์กว่า 50 คน พร้อมกับอาจมีแขกคนพิเศษขึ้นมาเซอร์ไพรส์ด้วย”
ในวันแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา วินิจเผยว่าจะมีศิลปินรับเชิญคนไทยขึ้นแสดงด้วย ซึ่งเขาได้เปิดเผยรายละเอียดมา 2 ข้อ คือ 1. เป็นศิลปินผู้หญิงตัวเล็ก 2. เป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อเรื่อง Soft Power และสื่อมวลชนหลายคนในงานแถลงข่าวคาดการณ์กันว่าจะเป็น ‘มิลลิ’ แรปเปอร์ชื่อดังที่เพิ่งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการแสดงที่ Coachella 2022 ซึ่งทั้งคู่ได้พบกันและทำความรู้จักกันระดับหนึ่งแล้ว
สำหรับการจัดแข่ง ‘THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022’ ใช้งบลงทุนไปกว่า 1 พันล้านบาท โดยวินิจยอมรับว่า “อาจขาดทุนหรือได้กำไรนิดหน่อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการขายบัตรเป็นหลัก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าขายหมดอย่างแน่นอน”
ขณะที่สปอนเซอร์การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นเรื่องน่าแปลกที่เราไม่ได้เห็นแบรนด์คุ้นหน้าคุ้นตาที่มักจะเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันกีฬาในช่วงที่ผ่านมา วินิจเผยว่า ตอนนี้มีสปอนเซอร์ประมาณ 8-9 รายด้วยกัน เช่น Advice, AIS, กรุงไทย-แอกซ่า, สยามพิวรรธน์ และ ปตท.
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในแวดวงเอเจนซีประเมินให้กับ THE STANDARD WEALTH ฟังว่า เหตุที่เพิ่งเปิดตัว ‘แจ็คสัน หวัง’ เพราะดีลเพิ่งลงตัวในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และคาดว่าเฉพาะค่าตัวคิดเป็นมูลค่าหลัก 10-15 ล้านบาท ซึ่งทางผู้จัดเองก็กำลังมองหาสปอนเซอร์สำหรับการแสดงนี้อยู่เหมือนกัน
“ปกติแล้วการดีลศิลปินต่างชาติต้องใช้เวลา 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย ซึ่งการแข่งขันนี้มีเวลาที่กระชั้นมาก ดังนั้นการหาสปอนเซอร์ก็อาจจะยากขึ้นไปอีก เพราะคงไม่มีแบรนด์ไหนที่เตรียมเงินไว้ 8 หลักล่วงหน้า ซึ่งหากแบรนด์ไหนที่ยอมเป็นสปอนเซอร์การแสดงอาจจะมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างภาพลักษณ์”
ด้านแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับวงการกีฬาให้มุมมองที่น่าสนใจว่า เป็นไปได้เหมือนกันที่บัตรสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้อาจจะขายไม่หมด เพราะหลังจากนี้ลิเวอร์พูลมีบินไปเล่นเกมอุ่นเครื่องกับคริสตัล พาเลซ ที่สิงคโปร์ ซึ่งหากเทียบราคาแล้วสนนราคาบัตรเข้าชมถูกกว่ามาก โดยบัตรที่แพงสุดอยู่ที่ราว 7,500 บาทเท่านั้น
“สำหรับลิเวอร์พูล บางคนก็มองว่าบินไปดูที่สิงคโปร์ดีกว่า เพราะนอกจากตั๋วที่ถูกลงแล้วยังสามารถไปเที่ยวได้อีก หลังโควิดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ซึ่งรวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายอาจเท่ากับบัตรที่แพงที่สุดของไทยอย่าง 25,000 บาท โดยราคาบัตรของไทยนั้นถูกมองว่าสูงเกินไป แต่นั่นเพราะต้องยอมรับว่าต้นทุนการจัดการแข่งครั้งนี้สูงมหาศาลจริงๆ ไม่เคยมีใครดึงทีมระดับ Super Magnet อย่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแข่งในเอเชียได้มาก่อน ดังนั้นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้”
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็ได้เปิดทางเลือกให้กับคนที่อยากดูแต่มีงบประมาณที่จำกัดด้วยการถ่ายทอดสดการแข่งขัน THE MATCH ผ่าน AIS PLAY ได้ทุกช่องทาง และการชมแบบ 360 องศาผ่านแอปพลิเคชัน AIS 5G PLAY VR แบบเรียลไทม์ รองรับกลุ่มแฟนบอลในวงกว้างและพื้นที่ห่างไกล
นอกจากนี้ THE MATCH จะถ่ายทอดสดฟุตบอลแมตช์ระดับโลกในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศครั้งแรกของไทย ผ่านระบบเสียงสมบูรณ์แบบบนจอยักษ์ภาพคมชัด ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF จำนวน 47 สาขา รวมกว่า 30,000 ที่นั่ง
สำหรับแฟนกีฬาสามารถเริ่มจับจองตั๋วเข้าชม THE MATCH ในโรงภาพยนตร์ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนนี้ เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป โดยช่องทางการซื้อทาง SF จะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยบัตรเข้าชมราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท สำหรับการรับชมการแข่งขันฟุตบอลอย่างเดียว และเริ่มต้นที่ 900 บาท สำหรับการรับชมการแข่งขัน และดู Red World Opening Live ของแจ็คสัน หวัง ศิลปินจากวง GOT7
“ราคานี้ก็อาจเหมาะสมกับแฟนบอลที่อยากดูแต่ไม่อยากจ่ายราคาแพง ในขณะที่กลุ่มแฟนคลับเองก็สามารถจ่ายในราคาที่พอไหวสำหรับเข้าไปชมศิลปินที่ตัวเองรักได้” แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับวงการกีฬากล่าว
ภาพ: Kevin Mazur / Getty Images for Coachella
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP