It’s Okay to Not Be Okay เป็นซีรีส์ที่มาด้วยคอนเซปต์ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในหัวใจ เข้ากับยุคสมัย New Normal ที่ผู้คนมีสถิติของการเจ็บป่วยทางจิตใจเพิ่มมากขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่มีบาดแผลและข้อบกพร่อง ที่ต่างจะได้รับการเยียวยา พร้อมกับเติบโตขึ้นจากความอบอุ่นที่มอบให้กันและกัน
“ฉันเชื่อว่าผู้ชมแต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละคนจะสัมผัสประสบการณ์การรับชมที่ต่างกันไปด้วย สิ่งสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือการได้เยียวยาจากความเจ็บปวด ถ้าคุณได้ดู It’s Okay to Not Be Okay กับคนที่รัก คุณจะได้เยียวยาไปด้วยกัน โกรธไปด้วยกัน หัวเราะและมีความสุขไปด้วยกัน”
ซอเยจีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเชียแปซิฟิกในงานแถลงข่าวที่จัดโดย Netflix ซึ่งใกล้เคียงกับความรู้สึกของ คิมซูฮยอน ที่เขาให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกหลังได้อ่านบทซีรีส์เรื่องนี้ “ตอนที่ผมอ่านบทแล้วผมรู้สึกเจ็บปวดในจิตใจ สิ่งนี้ทำให้ผมตัดสินใจรับงานนี้ เพราะมันเป็นบทบาทที่ท้าทายว่าตัวผมเองจะถ่ายทอดความเจ็บปวดเหล่านั้นออกมาอย่างไร”
It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน เล่าเรื่องโรแมนติกไม่ธรรมดาระหว่างคนสองคนที่ลงเอยด้วยการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจและความรู้สึกให้กัน มุนคังแท (คิมซูฮยอน) ทำงานที่แผนกผู้ป่วยจิตเวช หน้าที่ของเขาคือการจดบันทึกสภาวะของผู้ป่วย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น เมื่อผู้ป่วยอาละวาดหรือหลบหนี คังแทเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่พร้อมเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ แต่ชีวิตของเขากลับทุ่มเทให้กับพี่ชายออทิสติก มุนซังแท (โอจองเซ) แต่แล้วโชคชะตาก็นำพามุนคังแทมาพบกับหญิงสาวแสนพิเศษ โกมุนยอง (ซอเยจี) นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนชื่อดัง ที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเองแบบขั้นสุด ทั้งยังเย่อหยิ่งและหยาบคาย
ตัวอย่างซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน
ในวันแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คิมซูฮยอนและซอเยจีได้ให้สัมภาษณ์สื่อในภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิกเกี่ยวกับผลงานซีรีส์ที่ผู้คนรอคอย
ความประทับใจแรกของคุณเมื่ออ่านบทซีรีส์เรื่องนี้จบคืออะไร
คิมซูฮยอน: ตอนอ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกถึงความยาก ถ้าคุณได้ชมซีรีส์เรื่องนี้แล้วคุณก็น่าจะคิดแบบผม คาแรกเตอร์หลากหลาย ตัวละครแต่ละตัวก็มีเรื่องราวของตัวเอง และเรื่องราวของความรักด้วย แต่ไม่ว่าคุณจะมองจากมุมมองไหน ผมหวังว่าสุดท้ายแล้วคุณจะชอบเรื่องนี้
ซอเยจี: ตอนที่ฉันอ่านบท ฉันไม่เคยเห็นคาแรกเตอร์ตัวละครแบบโกมุนยองในซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อน ตอนอ่านบทฉันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เพราะโกมุนยองเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เธอเหมือนเป็นดาบที่ทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง แต่ในขณะเดียวกันฉันถูกดึงดูดด้วยตัวละครตัวนี้ เธอเป็นคนที่มีอะไรในตัวเยอะมาก ฉันเชื่อว่าถ้าฉันถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ข้างในตัวโกมุนยองออกมาได้หมด จะทำให้เรื่องราวสมบูรณ์แบบมากขึ้น
การร่วมงานกันของคุณทั้งสองคนเป็นอย่างไรบ้าง
คิมซูฮยอน: ตอนเริ่มต้นของซีรีส์นี้ มันเหมือนเป็นการพบกันของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในตอนแรกนะครับ เมื่อเราค่อยๆ เริ่มเข้าบทบาทของมุนคังแทและโกมุนยอง เราใช้เวลาทำงานด้วยกันเยอะมาก เราก็ค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลาย เป็นกันเองมากขึ้น เรามีเคมีที่เข้ากันได้ ผมหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสเคมีของเราจากซีรีส์เรื่องนี้ได้
ซอเยจี: วันแรกที่เราเจอกัน เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากๆ เราเข้ากันได้ดี ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำงานด้วยค่ะ
ซอเยจี รับบท โกมุนยอง นักเขียนหนังสือเด็กชื่อดังวัย 30 ปี ที่เป็นโรคบุคลิกต่อต้านสังคม โกมุนยองเป็นลูกสาวของแม่ที่เป็นนักเขียนนิยายอาชญากรรมชื่อดัง และพ่อที่เป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมในมหาวิทยาลัย แต่ตัวเธอกลับมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรง พระเจ้าทรงลืมให้ ‘อารมณ์ความรู้สึก’ เธอมาด้วย โกมุนยองเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว เด็กคนอื่นๆ พากันหลบเลี่ยงและเรียกเธอว่าเด็กประหลาด แต่พอโตขึ้น เธอสวยและเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากงานเขียนหนังสือเด็ก จนใครๆ ต่างก็อยากเข้ามาใกล้ชิด กระนั้นโกมุนยองในวัย 30 ยังคงโกหกเป็นไฟ เห็นแก่ตัวขั้นสุด ไร้ซึ่งจริยธรรม ไม่มีวุฒิภาวะ หยาบคาย เธอคือความสมบูรณ์แบบที่มีตำหนิ
โกมุนยองมีคาแรกเตอร์ที่ต่อต้านสังคม ซึ่งแตกต่างจากตัวละครในซีรีส์ทั่วไป คุณรู้สึกเกี่ยวกับตัวละครโกมุนยองอย่างไร
ซอเยจี: สำหรับโกมุนยอง คุณจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปพร้อมเธอ แต่ในขณะเดียวกันคุณก็จะได้รับการเยียวยาไปพร้อมเธอ คอนเซปต์ของการที่เธอไม่แคร์ ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น มันเหมือนเป็นพลังของตัวละครนี้ เมื่อคุณร่วมเดินทางไปกับเธอ ผ่านความยากลำบาก ผ่านการกระทำ ผ่านอดีต ผ่านความผิดหวัง หรือแม้แต่อนาคต คุณจะเริ่มเข้าใจและคิดถึงความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น
คุณเตรียมตัวในการรับบทนี้อย่างไรบ้าง
ซอเยจี: ฉันได้ศึกษาคาแรกเตอร์ของคนที่มีลักษณะต่อต้านสังคม หรือมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพจนได้ข้อสรุปว่า โกมุนยองมีเอกลักษณ์และมีความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ฉันพยายามถ่ายทอดมันออกมาผ่านการแต่งหน้า ทำผม คอสตูม ที่ใครๆ ก็ต้องบอกว่าแปลกและไม่ปกติ ซึ่งฉันพยายามไม่โฟกัสไปที่ความเป็นแฟชั่นนิสต้าของเธอ แต่เป็นความคิดข้างในมากกว่า เพราะลักษณะภายนอกที่เราเห็นทั้งหมด มันเป็นการแสดงออกอย่างสุดโต่งของตัวละครนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของการแต่งตัวไม่ใช่การอวด แต่เพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในตัวเองมากกว่า
It’s Okay to Not Be Okay ท้าทายความคิดเรื่อง ‘ความปกติธรรมดา’ และยังสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง คุณจะเล่าถึงเอกลักษณ์ของตัวเองให้ฟังได้ไหม
คิมซูฮยอน: หลังออกจากกรม ผมแข็งแกร่งขึ้นมากทั้งร่างกายและจิตใจ และมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น มีประสบการณ์ มีทัศนคติที่ชัดเจนขึ้นกับการแสดง ผมว่าผู้ชมที่เคยชมผลงานของผมมาก่อนหน้านี้น่าจะสัมผัสได้
ซอเยจี: สำหรับบทของโกมุนยอง เมื่อศึกษาลงไปลึกๆ แล้ว ฉันคิดว่าเธอมีลักษณะบางอย่างคล้ายแม่มด ฉันจึงโฟกัสไปที่ตรงนี้ รวมถึงการใช้เสียงต่ำ ออร่าบางอย่าง ที่ช่วยให้ฉันเข้าถึงคาแรกเตอร์ความเป็นแม่มดภายในได้ดียิ่งขึ้น การแสดงเรื่องนี้ ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ ทั้งการเยียวยาจิตใจและได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นค่ะ
คิมซูฮยอน รับบท มุนคังแท ผู้ดูแลผู้ป่วยแผนกจิตเวชวัย 30 ปี ดูภายนอก มุนคังแท ดูจะเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ทั้งรูปร่าง หน้าตา นิสัยใจคอที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น อดทน แข็งแรง ฯลฯ แต่เขาก็มีภาระที่ต้องแบกเอาไว้ตลอดชีวิต คือพี่ชายอายุห่างกัน 8 ปีที่เป็นออทิสติก พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตตั้งแต่ 18 ปีก่อน ทำให้สองพี่น้องออกจากบ้านย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ไม่มีเพื่อน เรียนไม่จบ และต้องคอยขอโทษผู้คนจากปัญหาที่พี่ชายเขาก่อไว้ “มันเหมือนกับผมต้องคลานแหวกโคลนตมทั้งปีทั้งชาติไม่เคยได้ลุกขึ้นยืนเลย”
ซีรีส์เรื่องนี้มุนคังแทมีทัศนคติต่อพี่ชาย มุนซังแท อย่างไร
คิมซูฮยอน: เมื่อมุนคังแทอยู่กับพี่ชาย เขาจะทำตัวเหมือนเป็นพี่ชาย พยายามเป็นคนที่โตกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า ต้องเก็บความรู้สึก แต่เมื่อมุนคังแทมาเจอกับโกมุนยอง จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเขา เขาจะมีความเป็นเด็ก แสดงออกอย่างที่อยากทำ เขากล้าที่จะบ่นสิ่งต่างๆ ต่อหน้าโกมุนยอง
คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างกับซีรีส์เรื่องนี้ที่เป็นผลงานแรกหลังออกจากรับราชการทหาร
คิมซูฮยอน: ซีรีส์เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแรกหลังจากที่ผมออกจากกรม และผมรู้สึกยินดีมากๆ ที่ It’s Okay to Not Be Okay เป็นซีรีส์เรื่องแรกของผม ตอนที่อยู่ในกรมผมรู้เลยว่าผมคิดถึงงานแสดงมากแค่ไหน ซีรีส์เรื่องนี้ผมจึงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้มันออกมาดีที่สุดครับ
อยากให้คุณฝากอะไรถึงแฟนๆ ในหลายประเทศที่กำลังรอคอยซีรีส์เรื่องนี้อยู่
คิมซูฮยอน: แม้ว่าเราทุกคนจะมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เป็นสากลจากซีรีส์เรื่องนี้คือวิธีการที่เรารัก วิธีการที่เรานึกถึงและห่วงใยคนสำคัญในชีวิต สิ่งที่เป็นสากลเหล่านี้ผมเชื่อว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงกับมันได้ หวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทางของตัวละคร ได้เห็นตัวตนของตัวเองสะท้อนผ่านตัวละครในเรื่อง และค้นพบสิ่งสำคัญของชีวิตนะครับ
โอจองเซ รับบท มุนซังแท นักวาดภาพประกอบของโกมุนยอง ผู้เป็นโรคออทิสติกวัย 37 ปี ลูกชายคนโตของครอบครัวที่พ่อแม่ยากจนข้นแค้นสุดๆ มุนซังแทอายุ 6 ขวบก่อนที่พ่อแม่จะรู้ว่าเขาเป็นออทิสติก พวกเขาจึงตัดสินใจมีลูกอีกคน โชคยังดีที่มุนซังแทช่วยเหลือตัวเองได้มาก มีไอคิวเกิน 70 และมีความสามารถทางภาษาพอจะจับคู่ได้ เขามีความทรงจำเป็นรูปภาพและสนใจการสร้างผลงานศิลปะ เขาไม่ต้องการความสนใจหรือการแสดงความรัก ไม่ชอบการถูกสัมผัส เขาอาจดูเหมือนคนเย็นชา แต่นั่นคือตัวตนของเขาโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าเขาเจตนา และมันง่ายกว่าที่จะยอมรับเขาโดยไม่ไปคิดอะไรมากนัก
It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน ซีรีส์ต้อนรับการกลับมาของคิมซูฮยอน นักแสดงคนดังของเกาหลีใต้ที่หยุดพักจากงานแสดงไปหลายปีเพื่อรับใช้ชาติ หลังออกจากกรม เขาเริ่มต้นงานแสดงเต็มตัวในซีรีส์เรื่องนี้ และกลายเป็นผลงานที่แฟนๆ ซีรีส์รอคอย เพราะนอกจากพล็อตเรื่องทางด้านจิตวิทยาที่น่าสนใจอย่างยิ่งแล้ว ยังเป็นการทำงานร่วมกับ ซอเยจี นักแสดงหญิงฝีมือดี ร่วมด้วย โอจองเซ ที่จะมารับบทเป็นพี่ชายออทิสติก เมื่อรวมกับการทำงานของผู้กำกับ พัคชินอู (Encounter, Hyde Jekyll, Me) จึงค่อนข้างเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ซีรีส์ได้รับความนิยมได้ไม่ยาก
It’s Okay to Not Be Okay ออกอากาศตอนแรกในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ทาง tvN และในประเทศไทยทาง Netflix โดยจะออกอากาศสัปดาห์ละ 2 ตอนในวันเสาร์และอาทิตย์ มีทั้งหมด 16 ตอน
ภาพ: Netflix
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า