เมื่อวานนี้ (16 พฤษภาคม) สถาบันสุขภาพแห่งชาติและกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี รายงานว่า หลังดำเนินโครงการฉีดวัคซีนในระยะแรก 5 สัปดาห์ พบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประชากรทุกกลุ่มอายุของอิตาลีลดลงถึงร้อยละ 80
รายงานระดับชาติว่าด้วยประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ถูกนำมาใช้งานจริง บันทึกข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่อิตาลีเริ่มโครงการฉีดวัคซีนในประเทศ จนถึงวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับโรคโควิด-19 เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีนครั้งแรก ทั้งยังรายงานสถิติ ‘การติดเชื้อลดลงร้อยละ 80 การรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงร้อยละ 90 และการเสียชีวิตลดลงร้อยละ 95’ หลังการฉีดวัคซีนโดสแรก 35 วัน โดยแนวโน้มรูปแบบดังกล่าวพบได้ในกลุ่มคนทุกเพศและช่วงอายุ
“ข้อมูลข้างต้นยืนยันถึงประสิทธิภาพของโครงการฉีดวัคซีนและความจำเป็นในการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรจำนวนมากโดยเร็วเพื่อยุติภาวะฉุกเฉิน” ซิลวิโอ บรูซาเฟอร์โร ประธานสถาบันฯ กล่าว
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer-BioNTech และ Moderna โดสแรกนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตวัคซีนระบุว่า จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ตามหลัง 3-12 สัปดาห์ (ระยะห่างขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน) เพื่อให้วัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนวัคซีนของ Johnson & Johnson ถูกกำหนดให้ฉีดเพียง 1 โดสก็มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้อิตาลีดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วประเทศกว่า 26.6 ล้านโดสแล้ว โดยมีประชาชน 8.4 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.1 ที่ได้รับวัคซีนครบโดส เมื่อนับถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง : สำนักข่าวซินหัว