ความคืบหน้ากรณีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต สะพานใหม่ คูคต) ตัดต้นไม้ 14 ต้น หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (6 มี.ค.) นายปกครอง พลเมือง ผู้อำนวยการเขตจตุจักร เปิดเผยว่า ตัวแทน บริษัท อิตาเลียนไทย ได้มาเสียค่าปรับกรณีตัดต้นไม้ดังกล่าวแล้วเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) เป็นเงิน 28,000 บาท ซึ่งคิดอัตราสูงสุดตามความผิดมาตรา 27 พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535
นอกจากนี้ อิตาเลียนไทยยังมีความผิดทางละเมิด ตามมาตรา 420 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องจ่ายค่าเสียหายอีก 170,000 บาท ซึ่งคำนวณจากเส้นรอบวงต้นไม้ 14 ต้น กำหนดชำระภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้
ขณะที่วันนี้ กรมป่าไม้เชิญผู้แทนจาก กทม. และรุกขกร กรมป่าไม้ มาหารือในประเด็นนี้
โดยนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า กรมป่าไม้ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าต้นไม้ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบัญชีไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ และอยู่ในการดูแลของ กทม. ยกเว้นผู้ที่เข้ามาตัดต้นไม้มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาไม้ไปใช้ แต่กรณีการตัดต้นนนทรีนี้ไม่น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อการนี้
ด้าน ดร.คงศักดิ์ มีแก้ว รุกขกร กรมป่าไม้ กล่าวว่า ต้นนนทรีที่ถูกตัดไปจำนวน 14 ต้น มีอายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งนอกจากจะมีคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมที่ช่วยดูดก๊าซพิษ ให้ความร่มเย็นแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย
สำหรับต้นนนทรีเป็นไม้ในเมืองชนิดหนึ่งที่มีอายุยืน เหมาะที่จะปลูกในเมือง เนื่องจากมีขนาดใบเล็กและมีจำนวนมาก ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซออกซิเจนได้มากขึ้นไปด้วย รูปทรงก็ไม่ใหญ่โตมาก เหมาะที่จะปลูกริมทาง
สำหรับต้นนนทรีที่ถูกตัดไปแล้วมีโอกาสสูงที่จะตาย แต่ต้นไม้พยายามช่วยตัวเองเพราะมีสารอาหารที่สะสมอยู่ในลำต้น อาจจะแตกตาขึ้นมาได้ถ้าได้รับการดูแลรักษา บำรุงรากก็จะรอดได้ แต่รูปทรงก็จะเสียไป
ดังนั้นต้องช่วยกันดูแลระบบราก ส่วนลำต้นต้องดูแลให้แตกตาใหม่ขึ้นมา แต่ถ้าปล่อยไว้ตามธรรมชาติโอกาสรอดน้อย