เมื่อคืนวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต หลังจากที่กองทัพอิสราเอลขยายการโจมตีในเลบานอน พุ่งเป้าไปยังฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์
เหตุระเบิดดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังเที่ยงคืนและต่อเนื่องไปจนถึงเช้าวันอาทิตย์ โดยมีการเตือนประชาชนให้อพยพออกจากพื้นที่ชานเมืองดาฮิเยห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้โจมตีเป้าหมายใกล้กรุงเบรุต และมีขีปนาวุธประมาณ 30 ลูกยิงจากเลบานอนเข้าใส่อิสราเอล โดยบางส่วนถูกสกัดกั้น โดยการโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่อาคารใกล้ถนนที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินนานาชาติด้วย
นอกจากนี้ อิสราเอลยังโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยเบดดาวีที่อยู่ทางตอนเหนือในเมืองตริโปลีและหุบเขาเบกาของเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารฮามาสอีก 1 นาย โดยภาพหลังการโจมตีแสดงให้เห็นอาคารที่พังเสียหายอย่างหนัก
ความรุนแรงในครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนกว่า 1,400 คนในเลบานอน รวมถึงพลเรือน เจ้าหน้าที่การแพทย์ และนักรบฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่ประชาชนกว่า 1.2 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
คณะกรรมการรัฐบาลเลบานอนระบุว่า มีผู้ลี้ภัยกว่า 375,000 คนเดินทางเข้าสู่ซีเรียเพื่อหลบหนีจากการโจมตี ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งชาวเลบานอนและชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง
ทั้งนี้ ผู้คนหลายพันคน รวมถึงผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ยังคงอพยพจากความขัดแย้งที่ลุกลาม ขณะเดียวกันการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงยังเกิดขึ้นทั่วโลก เนื่องจากใกล้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของสงครามในฉนวนกาซา
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอนรายงานว่า ฮาเชม ซาฟีเอดดีน ผู้ที่คาดว่าจะสืบทอดตำแหน่งจาก ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ที่ถูกสังหารไปก่อนหน้านี้ ไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้
ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และถือเป็นกองกำลังติดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในเลบานอน เริ่มยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลเกือบจะทันที หลังจากการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว โดยระบุว่าเป็นการแสดงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ หลังจากนั้นฮิซบอลเลาะห์และกองทัพอิสราเอลก็ยิงตอบโต้กันเกือบทุกวัน จนหลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งนี้จะขยายวงกว้างนำไปสู่สงครามในระดับภูมิภาค
ภาพ: AFP
อ้างอิง: