×

อิสราเอลโจมตีเมืองหลวงซีเรีย ถล่มตึกกระทรวงกลาโหม อ้างปกป้องชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ

17.07.2025
  • LOADING...
เครื่องบินรบ อิสราเอล โจมตีกรุงดามัสกัส ประเทศ ซีเรีย ท่ามกลางความตึงเครียดกับชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ

กองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย วานนี้ (16 กรกฎาคม) โดยโจมตีหลายเป้าหมายด้านความมั่นคง รวมทั้งอาคารกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหาร และบริเวณรอบทำเนียบประธานาธิบดี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และบาดเจ็บ 34 คน

 

อิสราเอลอ้างว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นปฏิบัติการเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ ในจังหวัดซูไวดา (Suweida) ทางตอนใต้ของซีเรีย ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวดรูซในอิสราเอล ภายหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธชาวดรูซ กับกองกำลังชนเผ่าเบดูอิน ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 300 คน ซึ่งอิสราเอลได้ส่งกำลังทหารไปยังเมืองซูไวดา ตั้งแต่วันจันทร์ (14 กรกฎาคม)

 

โดยรัฐบาลอิสราเอลยังเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียถอนกำลังทหารออกจากเมืองซูไวดา ในขณะที่อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โพสต์ข้อความผ่าน X ยืนยันว่า กองทัพอิสราเอลจะ “ยังคงปฏิบัติการในเมืองซูไวดา เพื่อทำลายกองกำลังที่โจมตีชาวดรูซต่อไป จนกว่าพวกเขาจะถอนกำลังออกไปทั้งหมด”

 

ขณะที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลกำลัง “ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวดรูซ และเพื่อกำจัดกองกำลังของรัฐบาลซีเรีย” 

 

กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังเกิดเหตุโจมตี โดยประณามอิสราเอลว่า “กระทำการรุกราน” และชี้ว่า การโจมตีดามัสกัสและซูไวดาของอิสราเอล “เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายอันเป็นระบบของอิสราเอล ที่ต้องการจุดชนวนความตึงเครียด ความวุ่นวาย และบ่อนทำลายความมั่นคงในซีเรีย” 

 

ขณะที่ซีเรีย เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ “ดำเนินการอย่างเร่งด่วน” ต่อการรุกรานของอิสราเอล แต่ยืนยันว่าซีเรียนั้นยังคงยินดีเปิดรับความพยายามของสหรัฐฯ และชาติอาหรับ ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสันติ

 

ทางด้านอาห์เหม็ด อัล ชารา ประธานาธิบดีซีเรีย ได้แถลงผ่านโทรทัศน์ โดยประกาศจะเอาชนะความพยายามของอิสราเอลที่จะทำลายประเทศ และยืนยันว่าซีเรียปฏิเสธการแบ่งแยกทุกรูปแบบ พร้อมทั้งย้ำว่าชาวดรูซเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างประเทศซีเรีย และการปกป้องพวกเขาก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

 

ทั้งนี้ ล่าสุด สำนักข่าว SANA ของทางการซีเรีย รายงานว่ารัฐบาลซีเรีย ได้เริ่มถอนกำลังทหารออกจากเมืองซูไวดาแล้ว โดยระบุว่า เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลซีเรียและผู้นำศาสนาของชาวดรูซภายในเมืองซูไวดา หลังจากที่กองทัพซีเรียเสร็จสิ้นภารกิจในการไล่ล่ากลุ่มนอกกฎหมาย

 

เหตุการณ์อิสราเอลโจมตีซีเรียดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลุ่มกบฏที่นำโดยกองกำลังแนวร่วม HTS ของชาวมุสลิมนิกายซุนนี ได้โค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งอัล ชารา ผู้นำกลุ่ม HTS ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีในช่วงเปลี่ยนผ่าน ท่ามกลางการยอมรับจากสหรัฐฯ​ และชาติตะวันตก

 

โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน X ว่ารัฐบาลทรัมป์ได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายในความขัดแย้งนี้ เพื่อยุติการปะทะในซีเรีย

 

“เราได้ตกลงกันในขั้นตอนเฉพาะเจาะจงที่จะนำสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลและน่าสะพรึงกลัวนี้ มาสู่จุดจบในคืนนี้ ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ และนี่คือสิ่งที่เราคาดหวังอย่างเต็มที่จากพวกเขา” รูบิโอกล่าว และอธิบายความตึงเครียดล่าสุดระหว่างอิสราเอลและซีเรียว่าเป็น “ความเข้าใจผิด” 

 

ชนวนขัดแย้งชาวดรูซกับรัฐบาลใหม่ซีเรีย

 

ภายหลังการล่มสลายของรัฐบาลอัล อัสซาด ชาวดรูซ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ได้ต่อต้านความพยายามของรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ ในการเข้าควบคุมพื้นที่ซีเรียตอนใต้ โดยชาวดรูซจำนวนมากคัดค้านการส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลไปประจำการในซูไวดา และต่อต้านการผนวกรวมกองกำลังชาวดรูซเข้ากับกองทัพซีเรีย 

 

ที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลซีเรียชุดใหม่จะให้คำมั่นในการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในซีเรียตอนใต้ แต่กองทัพรัฐบาลซีเรียก็ถูกกล่าวหาว่าโจมตีชนกลุ่มน้อยเช่นกัน

 

สถานการณ์ตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น จากความรุนแรงทางศาสนาที่ปะทุขึ้นหลายครั้งในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีรายงานเหตุปะทะระหว่างกองกำลังชาวดรูซ กับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล และกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมที่สนับสนุนรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายสิบคน

 

ขณะที่อิสราเอลเข้ามามีบทบาทในความขัดแย้งในซีเรีย จากการวางตำแหน่งตนเองในฐานะพันธมิตรและผู้ปกป้องชนกลุ่มน้อยในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงชาวเคิร์ด ชาวดรูซ และชาวอลาวีในซีเรีย 

 

ภาพ: REUTERS/Khalil Ashawi

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising