กัณวีร์ระบุว่า ตนได้ร่วมอภิปราย General Debate ในที่ประชุมใหญ่ IPU และได้สนับสนุนกลุ่มประเทศ 12+ ที่เสนอปัญหาสันติภาพในเมียนมา ในฐานะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาไทย และประเทศไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านสำคัญของเมียนมา พร้อมเน้นย้ำว่าเห็นด้วยกับการใช้จุดยืนของสหประชาชาติ ซึ่งเลขาธิการสหประชาชาติให้ความสำคัญกับการใช้พหุภาคีในการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน
“เราจำเป็นต้องผลักดันวาระเมียนมา เพราะมีคนได้รับกระทบมากกว่า 18 ล้านคน กว่า 3 ล้านคนพลัดถิ่นในเมียนมา และชาวโรฮิงญากว่า 1 ล้านคนต้องลี้ภัยในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงชาวเมียนมาที่ลี้ภัยมาในประเทศไทยจำนวนมาก” กัณวีร์กล่าว
กัณวีร์ได้แสดงจุดยืนว่า การจะนำสันติภาพมาอย่างแท้จริงต้องมีส่วนร่วมจากคนเมียนมาในการนำเสนอและสร้างความร่วมมือเพื่อแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ตนเองได้ร้องขอความเห็นใจ ความสนใจของเวทีระหว่างประเทศ ให้ประชาชนในประเทศเมียนมาได้มีส่วนร่วม ทำให้ได้รับการขอบคุณจากสมาชิกรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG (National Unity Government of Myanmar) รัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมาที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรที่ร่วมผลักดันเรื่องนี้
สำหรับขั้นตอนต่อไป ที่ประชุมสมาชิกสหภาพรัฐสภาจะให้การรับรองวาระเร่งด่วนทั้ง 3 ประเด็น โดยวาระการสร้างสันติภาพในเมียนมาจะเป็นสัญญาที่แต่ละประเทศในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจะนำไปเสนอและผลักดันต่อฝ่ายบริหาร รวมถึงรัฐสภาไทย
“ผมจะเสนอเรื่องนี้ต่อรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลจะตอบรับ เพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประกาศในที่ประชุมอาเซียนไปแล้วว่าจะมีบทบาทในเรื่องนี้” กัณวีร์ระบุ
กัณวีร์ยังเปิดเผยว่า ในส่วนคดีตากใบ ตนเองมีโอกาสแลกเปลี่ยนกับเพื่อนสมาชิกในคณะกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ IHL (International Humanitarian Law) ว่า คดีนี้กำลังจะหมดอายุความ ซึ่งหลายประเทศรับทราบเรื่องนี้ และสอบถามว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นอย่างไรต่อ รวมถึงทางเคนยาก็เสนอต่อที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องนี้ในที่ประชุมกลุ่มย่อย
“ผมบอกไปด้วยว่าประเทศไทยใช้กฎอัยการศึกมา 20 ปีแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เวทีระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เราควรใช้กลไกนี้อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ เราจะสามารถเพิ่มความตระหนักรู้ เพิ่มโอกาสการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เพิ่มบทบาทการเป็นผู้นำของไทยในเวทีโลกให้มากขึ้นอย่างสง่างาม” กัณวีร์กล่าว