ในแวดวงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชื่อของ ‘iPhone’ ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่ในฐานะผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน ด้วยดีไซน์สุดพรีเมียมและระบบปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับบริการต่างๆ ของ Apple ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ iPhone ครองความเป็นเจ้าตลาดอย่างไม่มีใครโต้แย้ง
ทว่าภายใต้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ กลับมีคลื่นลมแห่งความท้าทายถาโถมเข้าใส่ iPhone อย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษีที่สูงขึ้น ข้อจำกัดทางกฎหมายที่เข้มงวด หรือแม้แต่การแข่งขันอันดุเดือดในตลาดจีนที่ร้อนระอุ
ยิ่งไปกว่านั้น iPhone ในปัจจุบันยังถูกตั้งคำถามถึงขีดความสามารถทางเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ระบบ ‘Apple Intelligence’ ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท กลับถูกมองว่ายัง ‘ล้าหลัง’ แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Gemini ที่ขับเคลื่อนสมาร์ทโฟน Pixel ของ Google และอุปกรณ์รุ่นล่าสุดจาก Samsung ไปหลายช่วงตัว
Mark Gurman แห่งสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ในขณะที่คู่แข่งเริ่มก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีจอพับและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยกว่า แต่ iPhone ยังคงยึดติดอยู่กับดีไซน์เดิมๆ ที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2020
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ล่าสุดของ iPhone เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อ Apple หันมาใช้ดีไซน์ขอบเหลี่ยมแบบเดียวกับ iPad Pro ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะมีการเพิ่มลูกเล่น Dynamic Island ขยายขนาดหน้าจอ หรือใช้วัสดุไทเทเนียม
แต่โดยรวมแล้ว iPhone ในปัจจุบันก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วมากนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจ iPhone อย่างเห็นได้ชัด ยอดขาย iPhone ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา ‘ลดลง’ 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ใน Wall Street คาดการณ์ไว้
และในประเทศจีนซึ่ง Apple Intelligence ยังไม่พร้อมใช้งาน รายได้รวมของ Apple ก็ ‘ลดลง’ ถึง 11% แม้ว่าบริษัทจะอ้างถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้าคงคลัง แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าความต้องการ iPhone อาจไม่ได้สูงอย่างที่คาดหวังไว้
อย่างไรก็ตาม iPhone ยังคงเป็น ‘หัวใจ’ สำคัญของจักรวาล Apple และดูเหมือนว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายปี แม้ว่า iPad และ Mac จะเติบโตอย่างน่าประหลาดใจก็ตาม แต่ iPhone ก็ยังคงคิดเป็นสัดส่วนถึง 56% ของยอดขายรวมของบริษัท
ในอดีตเคยมีความหวังว่า Apple จะสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AR (Augmented Reality), Smart Home หรือแม้แต่รถยนต์ไร้คนขับ เพื่อลดการพึ่งพา iPhone แต่จนถึงปัจจุบัน ความหวังเหล่านั้นก็ยังไม่เป็นจริง
โครงการรถยนต์ไร้คนขับของ Apple ถูก ‘ยกเลิก’ ไปแล้ว และแว่นตา AR ที่ใช้งานได้จริงก็อาจต้องรออีก ‘3-5 ปี’ แม้ว่า Apple จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี Smart Home แต่ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกในกลุ่มนี้ ก็ยังต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะเริ่มจัดส่งได้
นั่นหมายความว่า iPhone จะยังคงมีความสำคัญต่อ Apple ไปอีกหลายปี และบริษัทจำเป็นต้องมีการ ‘อัปเกรด’ ครั้งใหญ่เพื่อรักษาแรงผลักดันนี้ไว้
ในการประชุมรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้กล่าวถึงอนาคตของ iPhone ว่ายังมี “อะไรอีกมากมายที่จะตามมา” และยังมี “นวัตกรรมเหลืออยู่อีกมาก”
ในขณะที่ John Ternus ผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านฮาร์ดแวร์ iPhone ได้กล่าวกับทีมงานว่า iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวจะเป็นรุ่นที่ ‘ทะเยอทะยาน’ ที่สุดในประวัติศาสตร์ และอุปกรณ์ที่เป็นสัญลักษณ์นี้ยังมี “อนาคตที่น่าตื่นเต้น” รออยู่
Gurman ระบุในรายงานที่เขาเขียนว่า เราจะได้เห็นภาพอนาคตที่ว่านี้กันในสัปดาห์นี้ เมื่อ Apple ประกาศเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ดีไซน์ที่คล้ายกับ iPhone 14 ชิปโมเด็มเซลลูลาร์ A18 ที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรก
ระบบ Apple Intelligence เซ็นเซอร์ Face ID แทนที่ปุ่ม Home และพอร์ต USB-C แทนที่ Lightning โดยสรุปคือ iPhone SE ใหม่จะให้ความรู้สึกเหมือนสมาร์ทโฟนยุคใหม่ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 หมื่นบาท)
สำหรับ iPhone รุ่นเรือธงอย่าง iPhone 17 และ 17 Pro ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ก็คาดว่าจะมีการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่อีกครั้ง และอาจมีรุ่น ultrathin ใหม่ล่าสุดเพิ่มเข้ามาในไลน์อัพ
แม้ว่ารุ่น ultrathin หรือรุ่นบางเฉียบอาจจะไม่ใช่ iPhone ที่ขายดีที่สุด แต่ก็น่าจะเป็นรุ่นที่ ‘ได้รับความสนใจ’ มากที่สุด ด้วยแนวคิดในการโชว์ศักยภาพด้านดีไซน์ของ Apple ผนวกกับส่วนประกอบที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น เช่น โมเด็มที่พัฒนาขึ้นเอง
ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ แต่ความหวังที่แท้จริงคือการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในอนาคต โมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งจะมาแทนที่ส่วนประกอบจาก Qualcomm จะช่วยให้ Apple สามารถผลิตโทรศัพท์จอพับได้ ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทตั้งใจจะบุกตลาดให้ได้ภายในปี 2026
และในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจได้เห็นเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจอื่นๆ เช่น กล้องใต้จอแสดงผล และหน้าจอที่ไร้ขอบอย่างแท้จริง
แน่นอนว่า Apple ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ อีกมากมายในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษีที่บีบเค้นกำไรในสหรัฐอเมริกา หรือกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นในยุโรป และบริษัทยังคง ‘ล้าหลัง’ ในด้าน AI อยู่มาก
แต่ปี 2025 ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ Apple จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมในการออกแบบโทรศัพท์ได้ และอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของพวกเขากลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง
อ้างอิง:
