หากคุณเคยไปเที่ยวไต้หวันและสังเกตลักษณะการจราจรบนท้องถนนอย่างถี่ถ้วน คุณจะพบว่าเขาขับขี่กันชิดขวา พวงมาลัยซ้าย ทั้งยังมีเลนสำหรับรถเล็กที่ถูกจัดสรรไว้อย่างเป็นสัดส่วน ซึ่งปริมาณการใช้รถสกูตเตอร์ก็มีจำนวนมากพอที่จะทำให้คุณเห็นยานยนต์ประเภทนี้สวนไปมาขวักไขว่กันทั่วเมือง จนเราเองก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะครอบครองไว้สักคัน เพราะมันทั้งสะดวกน่าใช้ – แถมยังไม่ค่อยมีควันด้วย
ซึ่งครั้งนี้ THE STANDARD เดินทางมายังไต้หวันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้รับเชิญจาก KYMCO (คิมโค) บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ให้ไปสัมผัสประสบการณ์จำลองชีวิตของคนเชื้อชาตินี้ที่รักพาหนะคู่ใจของเขาเป็นที่สุด รวมถึงการแถลงนโยบายใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการใช้รถใช้ถนนไปอย่างสิ้นเชิง
ส่วนหนึ่งที่แอบแฝงไว้ภายใต้อุตสาหกรรมยานยนต์ไต้หวัน คือการพัฒนาของเทคโนโลยีที่น่าสนใจกับการพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในประเทศให้หันมาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงความต้องการของฝั่งเอกชนที่ทำธุรกิจด้านนี้เท่านั้น แต่ภาครัฐเองก็สนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ไต้หวันเป็นเมืองสีเขียว สะอาด และรักษาสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งเขาได้วางแผนร่วมกันไว้ว่าภายในปี 2021 ไต้หวันจะกลายเป็นเมืองสีเขียวโดยสมบูรณ์
“เราตั้งใจผลิตสิ่งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายที่เราต้องการไปให้ถึง ความมุ่งมั่นอันยาวนานในการสร้างโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างเมืองของเราให้มีความสะอาดยิ่งขึ้น และการสร้างพลังงานไฟฟ้าให้มีใช้ได้จริงอย่างแพร่หลายสำหรับผู้บริโภคนั้นไม่เคยจางหายไปตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา” คุณอัลเลน โค (Allen Co) ประธานบริษัท KYMCO ได้ให้คำตอบกับเราเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่า ทำไม KYMCO ต้องพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมา แล้วประเทศไทยของเรามีสิทธิ์ได้ใช้รถสกูตเตอร์ไฟฟ้าของเขาหรือไม่
“แน่นอนว่าประเทศไทยคืออีกหนึ่งตลาดการลงทุนที่ KYMCO มองไว้ และพบว่ามีแนวโน้มที่ดี เพราะคนไทยมีปริมาณการใช้รถจักรยานยนต์มาก หวังว่าเราคงจะได้เห็น KYMCO ในประเทศไทยเร็วๆ นี้”
บรรยากาศภายในโรงงานผลิตของ KYMCO
ในงานเปิดตัวรถสกูตเตอร์และเทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ของ KYMCO เราพบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เพราะนอกจากจะเป็นการนำเสนอเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการของมนุษย์ยุคใหม่แล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ยังเป็นการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชนที่น่าเอาเยี่ยงอย่างมากที่สุด
สิ่งแรกที่เรารู้สึกว้าวสุดๆ คือการจัดสร้าง ‘ionex Energy Stations’ สถานีชาร์จไฟฟ้าเร่งด่วนจำนวน 1,500 สถานี เพียงคุณถอดแบตเตอรี่จากสกูตเตอร์ของคุณ เสียบเข้ากับสถานีเพื่อชาร์จไฟ หรือแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนอื่นที่ชาร์จอยู่ในสถานีใส่ไปแทน เปรียบเสมือนปั๊มน้ำมันขนาดย่อมที่คุณจะได้รับพลังงานใหม่เข้าไปในรถของคุณ เหมาะกับผู้ที่ใช้สกูตเตอร์เพื่อการเดินทางระยะไกล มีค่าใช้จ่ายเพียง 10 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 11 บาทไทยต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถชาร์จแบตให้เต็มภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ภายในสิ้นปีหน้า คิมโคจะเสร็จสิ้นการติดตั้งสถานีพลังงานนี้ทั้งหมด 2,000 แห่ง และมีแผนสร้างจุดชาร์จไฟฟ้าเช่นนี้มากกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2021 เพื่อก้าวสู่การเป็น Green Community (ชุมชนสีเขียว) อย่างเต็มรูปแบบ
เทคโนโลยีลำดับต่อมาที่ KYMCO ได้เปิดตัวคือการออกแบบแบตเตอรี่พกพาที่มีน้ำหนักเบามากเพียง 5 กิโลกรัม (เผลอๆ เบากว่ากระเป๋าสะพายที่ใส่คอมพิวเตอร์ไปทำงานทุกวันนี้อีก) และผู้ขับขี่เองยังสามารถถือแบตเตอรี่ก้อนนี้ไปไหนมาไหนได้เหมือน ‘Material’ ชิ้นหนึ่งในชีวิต มีให้เลือกหลากสีตามความชอบของคุณ ที่สำคัญเขายังพัฒนาให้คุณสามารถชาร์จแบตก้อนนี้ได้ที่บ้านเหมือนชาร์จโทรศัพท์มือถือ! ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ทางภาครัฐของไต้หวันได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองแนวคิดชุมชนสีเขียวอย่างรอบด้านหรือ ionex Green Ready Community โดยจะจัดตั้งสถานที่สำหรับชาร์จแบตเตอรี่นี้ไว้ยังส่วนกลางของชุมชน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนอีกด้วย
ต้องยอมรับว่ามอเตอร์ไซค์คือเพื่อนคู่ใจที่ดีที่สุดคนหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ในวันเร่งรีบ แต่จะดีสักแค่ไหนหากในประเทศของเรามีแต่คนใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้ากันอย่างพร้อมเพรียง อากาศในเมืองคงน่าสูดดมมากกว่านี้หลายเท่านัก – น่าอิจฉาคนไต้หวันจริงๆ!
Special Thanks: KYMCO
- KYMCO เป็นแบรนด์ยานยนต์ชื่อดังของไต้หวันที่เปิดตัวครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2535 นำธงเรื่องยานยนต์ในไต้หวันมากกว่า 16 ปี ด้วยสัดส่วนตลาดถึง 40.2% ของยานยนต์ทั้งหมดในไต้หวัน ปัจจุบันมีช่องทางและเครือข่ายในการจัดจำหน่ายยานยนต์กว่า 102 ประเทศทั่วโลก
- นอกจากนี้ KYMCO ยังเป็นบริษัทผู้ร่วมผลิตให้กับแบรนด์ยานยนต์อื่นๆ ทั้ง BMW, Arctic Cat และ Kawasaki
- สกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ KYMCO ในปี 1998 สามารถขับเคลื่อนได้เพียง 30 กิโลเมตร และใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงในการชาร์จไฟ แต่สำหรับสองรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้อย่าง KYMCO New Many 110 EV และ Nice 100 EV สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 60-64 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น!