หุ้นของ Apple Inc. ประสบปัญหาการเทขายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือนในวันศุกร์ (10 กันยายน) หลังจากที่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สั่งให้บริษัทเปลี่ยนวิธีการทำงานของ App Store ซึ่งจะทำให้ผลกำไรที่ได้เป็นกอบเป็นกำหายไป
หุ้น Apple ร่วงลง 3.3% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม คิดเป็นมูลค่าที่หายไปกว่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากถึง 2.8 ล้านล้านบาทด้วยกัน
ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลาง ออกคำสั่งห้ามที่ระบุว่า Apple จะไม่ได้รับอนุญาตให้ห้ามนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ให้ส่งลิงก์หรือการสื่อสารอื่นๆ ที่นำผู้ใช้ออกจากการซื้อในแอปฯ (In‑App Purchase) ของ Apple อีกต่อไป ซึ่งปกติแล้วหากมีการจ่ายในแอปฯ เกิดขึ้น ตัวแอปฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 15-30% ให้กับทาง Apple
คำสั่งห้ามดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ที่นักพัฒนาสามารถนำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ของตนเพื่อสมัครหรือซื้อเนื้อหาดิจิทัล โดยจ่ายเงินได้ตรงไม่ต้องผ่านตัวกลางอื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขาย App Store ของ Apple ซึ่งทำรายได้ประมาณ 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.1 ล้านล้านบาทในปี 2020
“การพิจารณาคดีในวันนี้ไม่ใช่ชัยชนะสำหรับนักพัฒนาหรือผู้บริโภค” ทิม สวีนีย์ (Tim Sweeney) ซีอีโอของ Epic Games กล่าวใน Twitter ส่วนตัว “Epic กำลังต่อสู้เพื่อการแข่งขันที่ยุติธรรมระหว่างวิธีการชำระเงินในแอปฯ และ App Store ที่มีผู้ใช้งาน ผู้บริโภคนับพันล้านราย”
การตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก Epic Games หนึ่งในบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ได้ยื่นฟ้อง Apple กรณีที่ App Store มีกฎให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องใช้ระบบการชำระเงินในแอปฯ เท่านั้น
ดังนั้น Epic Games จึงแสดงออกถึงความไม่พอใจในเรื่องนี้ด้วยการทำให้ Fortnite หนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เปิดทางให้ผู้เล่นสามารถจ่ายเงินลดลง 20% เมื่อผู้เล่นซื้อจากบริษัทโดยตรง จุดนี้เองได้เป็นการละเมิดกฎของ Apple จึงเป็นที่มาของการลบเกมดังกล่าวออกจาก App Store
ในกรณีนี้ศาลได้ตัดสินให้ Epic Games ยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับ Apple เนื่องจากละเมิดสัญญา ผู้พัฒนาเกมจะต้องจ่ายเงินให้ Apple ในสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมดที่รวบรวมจาก Fortnite บน iPhone และ iPad ที่มีการชำระเงินโดยตรง
อ้างอิง:
