เรื่องผิดพลาดที่สุดของมนุษย์เงินเดือนคือ ‘ไม่เริ่มลงทุน’
เวลาพูดถึงการลงทุน หลายคนนึกไปถึงการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่มาพร้อมกับความเสี่ยง ไหนจะข้อมูลมหาศาลที่อ่านก็ไม่ค่อยเข้าใจ ทำให้ลังเลไม่กล้านำเงินที่มีไปลงทุน หรือต่อให้อยากลงทุนก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี ต้องลงทุนแบบไหนถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราและให้ผลตอบแทนตรงตามเป้าหมายชีวิต
ถ้าตอนนี้คุณคือมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ 40K Up ที่วางแผนการเงินได้ดีในระดับที่มีเงินเหลือเก็บทุกเดือนและอยากเริ่มต้นลงทุน ลองดูแนวทางการลงทุนเหล่านี้
ตราสารหนี้
เป็นตราสารทางการเงินชนิดหนึ่งที่รัฐบาลหรือบริษัทเอกชนออกขายให้กับนักลงทุน ผลตอบแทนที่ได้รับจะมาในรูปแบบ ‘ดอกเบี้ย’ ตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับ ‘เงินต้นคืน’ เมื่อครบกำหนดอายุตราสาร ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เงินต้นไม่หาย และคาดเดาผลตอบแทนได้ เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน เหมาะกับคนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ รวมถึงนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นด้วย
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือ หากมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลงหรือมีมูลค่าน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อได้ และด้วยความที่เป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเงินหมุนเวียน
กองทุนรวม
คือการรวมเงินลงทุนของนักลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ โดยมี บลจ. มืออาชีพ คอยบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนตามวัตถุประสงค์ของกองทุนรวมนั้นๆ ด้วยความที่กองทุนรวมเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์หลายประเภทและหลายบริษัทที่ต่างกัน จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัว ตัวผู้ลงทุนเองก็สามารถเลือกลงทุนตามวัตถุประสงค์หรือความสนใจ เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มพลังงานสะอาด
ข้อดีคือ นักลงทุนไม่ต้องดูแลจัดการการลงทุนเอง เนื่องจากมีผู้บริหารจัดการกองทุนที่คอยดูแลและปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ผลตอบแทนของกองทุนรวมประมาณ 4-12% ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน แต่อย่าลืมว่าความเสี่ยงก็เพิ่มมากขึ้นตามผลตอบแทน ทั้งนี้ ความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันของแต่ละกองทุนรวม เช่น กองทุนรวมตราสารทุน นำเงินไปลงทุนให้ตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่ก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ต่างจากกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่จะลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนก็จะน้อยเช่นกัน
ทองคำ
ทองคำเป็นทรัพย์สินที่มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ถ้าคิดจะลงทุนแบบถือครองนานยิ่งได้กำไร ผลตอบแทนจะมาจากส่วนต่างของราคาซื้อ-ขาย โดยเฉพาะทองคำแท่ง ถือเป็นสินทรัพย์สากลจึงซื้อ-ขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ราคาเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงตามอัตราเงินเฟ้อ จึงเหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อวางแผนการเงินระยะยาว
ความเสี่ยงที่ต้องนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนคือ การลงทุนในทองคำแท่งและกองทุนรวมทองคำใช้เวลานานในการสะสมผลตอบแทน แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนเร็วขึ้น สามารถเปลี่ยนไปลงทุนใน Gold ETFs และ Gold Futures แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์
หุ้น
การลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ผลตอบแทนที่ได้มาในรูปแบบของเงินปันผลจากกำไรในการดำเนินการของบริษัทและส่วนต่างที่ได้จากการซื้อ-ขายหุ้น หากลงทุนและถือครองระยะยาวอาจให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 8-12% ต่อปี
ถึงจะเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง เพราะสามารถซื้อ-ขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสขาดทุนสูง จึงจัดอยู่ในประเภทการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
อสังหาริมทรัพย์
เป็นการลงทุนในทรัพย์สินประเภทที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม อาคารสำนักงาน โกดัง ใบจองอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ข้อดีคือ สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายรูปแบบ เช่น ปล่อยเช่า ซื้อ-ขายใบจองอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งที่ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็คือ การผันผวนของราคาต่ำ เพราะมีการปรับราคาขึ้นลงช้ากว่าการลงทุนประเภทอื่น
แต่ความเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้คือ หากลงทุนซื้ออสังหาต้องใช้เงินลงทุนที่สูง และพอเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง การซื้อ-ขายช้า ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพคล่องต่ำและต้องการผลตอบแทนเร็ว รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอสังหาริมทรัพย์หรือเศรษฐกิจมีการชะลอตัว อาจส่งผลให้กำลังซื้อและกำลังเช่าลดลง ทำให้ต้องถือทรัพย์สินเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับผลตอบแทน
ความจริงแล้วยังมีวิธีลงทุนในอสังหาที่ไม่ยุ่งยากและสามารถรับผลตอบแทนต่อเนื่องด้วย RICHY Investment Property Program หรือ ‘RICHY IP Program’ ซึ่งเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบใหม่ในรูปแบบของ Service Residence แบบถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด ช่วยแก้ Pain Point การลงทุนในอสังหาแบบเดิมๆ เช่น ต้องหาทำเลและผู้เช่าเอง และเสียเงินไปกับค่าซ่อมบำรุง
ในขณะที่การลงทุนในรูปแบบ RICHY IP Program จะมี บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 หรือ RICHY หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการผู้เช่า พร้อมการันตีค่าเช่าต่อเนื่องแม้ไม่มีผู้เช่าด้วยระบบ Pool Dividend เป็นการนำรายได้จากค่าเช่า Service Residence ทุกยูนิตหลังหักค่าใช้จ่าย มาหารแยกให้กับเจ้าของแต่ละห้องตามสัดส่วนที่ลงทุน การันตีค่าเช่า 7% ใน 3 ปีแรก และปีที่ 4-9 ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ โดยประมาณการที่ 4-9% ต่อปี
จุดเด่นของ RICHY IP Program คือ สามารถเลือกอสังหาที่เหมาะสมกับการลงทุนได้จาก 5 คอนโดมิเนียมบนทำเลศักยภาพใจกลางกรุง
โครงการที่น่าจับตาคือ The Rich Ploenchit-Nana เพราะการันตีผลตอบแทนสูงถึง 7% ต่อปีใน 3 ปีแรก ด้วยทำเลศักยภาพใกล้ BTS นานา และ BTS เพลินจิต อยู่ในย่านธุรกิจ CBD ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาทำงานในไทยและชาวต่างชาติที่ต้องพักรักษาตัวรอบๆ โรงพยาบาล แค่ 3 นาทีก็ถึงโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่สำคัญยังใกล้ Central Embassy, Terminal 21 และ EMSPHERE
ในขณะที่โครงการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น The Rich Sathorn-Taksin, The 8 Collection Luxury Residence, The Rich Rama 9 – Srinakarin และ Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 การันตีผลตอบแทน 6% ต่อปีใน 3 ปีแรก และปีต่อไปขึ้นอยู่กับผลประกอบการ
สิ่งที่เรากำลังจะบอกก็คือ ถ้าคุณคือมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือน 40K Up หรือใครที่สนใจการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ อยากลองศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน RICHY กำลังจะจัดงานสัมมนา Investment Forum IP Program ‘Smart Wealth Being’ ในวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ชั้น 4 The Rich Ploenchit-Nana เวลา 12.00-16.00 น. ซึ่งมีวิทยากรพิเศษ คุณ CK Cheong (ซีอีโอเว็บไซต์ Fastwork) ที่เชี่ยวชาญ โดยจะมาแนะนำเกี่ยวกับการเงินและการลงทุน
ภายในงานจะได้ลงลึกถึงรายละเอียดของ RICHY IP Program ว่าตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนอย่างไร ผลตอบแทนที่ได้มาจากไหน และทำไมถึงได้ผลตอบแทนต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ฟังแนวทางการลงทุนของบริษัทและภาพรวมการลงทุนอสังหาในอนาคตอีกด้วย
ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมสัมมนาฟรีที่: https://bit.ly/3QZ3CDv