ช่วงปี 2020-2022 ตลาดหุ้นคึกคักพุ่งสู่ดวงจันทร์ แต่ในปีนี้ถูกดึงกลับลงมาสู่โลก พร้อมๆ กับสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และนี่คือวิธีการลงทุนแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในช่วงนี้
“วอลล์สตรีทต้องทำเงิน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างการเก็บเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะทุนนิยม” บัฟเฟตต์ เตือนนักลงทุนทั้งหลายในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ของเขาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา “พวกเขาทำเงินไม่ได้หากผู้คนไม่ทำอะไรเลย และพวกเขาได้แค่เศษเสี้ยวของสิ่งเหล่านั้น ทั้งนี้ พวกเขาทำเงินได้เยอะขึ้นเมื่อผู้คน ‘พนัน’ มากกว่า ‘ลงทุน’”
ความต่างระหว่างการพนันกับการลงทุนคือ การทำความเข้าใจกับ ‘รากเหง้า’ ของบริษัทนั้นๆ บัฟเฟตต์กล่าว
การวิเคราะห์ทั่วไปส่วนมีพื้นฐานมาจากราคาและจำนวนหุ้น นักเทรดส่วนใหญ่ไม่ได้ทำนายอนาคตของบริษัท พวกเขาไม่ได้มองที่พื้นฐานของธุรกิจหรือเศรษฐกิจ แต่นั่งมองกราฟและหารูปแบบเพื่อทำนายว่าหุ้นนั้นจะขึ้นหรือลง
ทั้งนี้ การวิเคราะห์รากเหง้าของบริษัทเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนประเมินสถานะการเงิน ประสิทธิภาพ และเศรษฐกิจของบริษัท เพื่อหามูลค่าของมัน และซื้อหุ้นเมื่อพวกเขาได้มันมาในราคาถูก
คาสิโนเปิดแล้ว
จากแบบสำรวจของ Schwab พบว่ากว่า 15% ของนักลงทุนในสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาเริ่มลงทุนในปี 2020 ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 45 ปีตอนที่เปิดบัญชีเทรดทั่วไป และมีรายได้น้อยกว่านักลงทุนตามฤดูกาล
ใน 2 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนกว่า 20 ล้านคนได้ลงเงินของพวกเขาไปกับตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่าง Reddit เพื่อโปรโมตเรื่องต่างๆ ที่ส่งให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างมาก เช่น GameStop ซึ่งเปลี่ยนให้วอลล์สตรีทกลายเป็น ‘สถานที่พนัน’ เขากล่าวระหว่างงานประชุม
การวิเคราะห์ทางเทคนิคทั่วไปส่งผลดีกับการเทรดระยะสั้น ขณะที่การวิเคราะห์รากเหง้าของบริษัทจะมีประโยชน์กับการเทรดระยะยาวมากกว่า ซึ่งจะไม่สั่นคลอนกับสภาวะเศรษฐกิจ
แต่การวิเคราะห์รากเหง้าไม่ได้บอกนักลงทุนเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้มากนัก แต่เมื่อถึงเวลาที่ยากลำบาก การวิเคราะห์รากเหง้าจะได้ไปต่อ บัฟเฟตต์กล่าว
เชื่อในตัวเอง
“ตลาดหุ้นเป็นตลาดเดียวที่เมื่อมีของลดราคา คนจะหนีออกจากตลาด คุณต้องไม่เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น” ชอว์น ครุซ หัวหน้านักกลยุทธ์การเทรดของบริษัท TD Ameritrade กล่าว
นักลงทุนไม่เก่งในการทำนายอนาคตเท่าไร สตีเวน เช็ก เจ้าของบริษัท Check Capital กล่าว พวกเขามีแนวโน้มที่จะตอบสนองแบบเว่อร์วังต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
“ตลาดจะดูไม่สมเหตุสมผลในระยะสั้น แต่มันสมเหตุสมผลตลอดกับการลงทุนระยะยาว” เขากล่าว ฟองสบู่โตและแตก แต่หากคุณไตร่ตรองว่าธุรกิจนั้นๆ จะดำเนินการอย่างไรในอีก 10 ข้างหน้า และอยู่กับมัน “คุณจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน” เช็กกล่าว
คุณไม่ต้องเป็นเซียนเทรดเลย เพราะตอนนี้บริษัทชื่อดังทั้งหลายอย่าง Chase, Apple, Amazon และ Microsoft ก็กำลังถูกเทรดอยู่ในช่วงเวลาที่ต่ำกว่าเกณฑ์
ทำการบ้านของคุณซะ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ดูว่าใครเป็นหัวหน้า บริษัทกำลังโปรโมตอะไรและอย่างไร คุณเข้าใจผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังโปรโมตหรือไม่ และคิดว่ามีที่สำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ในอนาคตหรือไม่ ถามตัวเองว่าจะสร้างบริษัทจาก 0 ใหม่หรือไม่ เช็กกล่าว
ต่อไปคือการดูการเงินของบริษัท ซึ่งปกติดูได้บนเว็บไซต์ของบริษัท ประเมินกำไรและขาดทุน รายได้ และสภาพคล่องของบริษัทว่ายังสุขภาพดีหรือไม่ หนี้สาธารณะของบริษัทดูแย่ไปหรือเปล่า
สุดท้ายนี้คือการอัปเดตพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ การลงทุนของคุณไม่ได้จบแค่การเทรด เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้าทุกชั่วโมง รวมไปถึงพอร์ตของคุณ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทุ่มซื้อหุ้นครั้งใหญ่รอบหลายปี เฉพาะไตรมาสแรกอัดเงินกว่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์
- หุ้น BYD ทรุดหนักสุดรอบเกือบ 2 ปี นักลงทุนกังวล ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เทขาย
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทุ่มอีก 9.9 ล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นน้ำมันเพิ่มเป็น 17.4% ด้าน J.P. Morgan คาดกรณีเลวร้ายสุด ราคาน้ำมันจะพุ่งไปถึง 380 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP