วันนี้ (8 มกราคม) นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม ดำเนินการว่าจ้างเอกชนเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ ด้วยงบประมาณกว่า 33 ล้านบาท
นิวัติไชยกล่าวว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร มีการจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร ได้รับงบประมาณจากไหน วงเงินเท่าไร โดยได้ประสาน รฟท. เพื่อขอรายละเอียดในการจัดซื้อจัดจ้างมาดู
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เพียงแค่มีการดำเนินการแต่ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งยังไม่สำเร็จ จึงต้องตรวจสอบก่อนว่า รฟท. ดำเนินการถึงขั้นตอนไหน เพราะเท่าที่ได้รับฟังคือเป็นการจัดตั้งงบประมาณ จัดหาตัวผู้รับจ้าง แต่ยังไม่ทราบว่ามีการกระทำสัญญากันแล้วหรือยัง มีความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ ดังนั้นทาง ป.ป.ช. จึงต้องรวบรวมข้อมูลดูก่อน ทั้งนี้ เมื่อทราบผลอาจจะมีการเสนอแนะว่าเหมาะสมสมควรหรือไม่ ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบข้อเท็จจริงว่ามีมูล สามารถตั้งไต่สวนได้ใช่หรือไม่ นิวัติไชยกล่าวว่า หากยังไม่เป็นความผิดโดยสำเร็จ การจะซื้อจะจ้างยังไม่มีผล ความผิดสำเร็จยังไม่เกิดขึ้น ก็คงเพียงมีข้อแนะนำ แต่หากมีการดำเนินการแล้ว เป็นความผิดแล้ว อันนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมสอบสวนของ ป.ป.ช. ที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เป็นทีมงานฝีมือดีที่ทำงานใหญ่ๆ มาแล้ว นิวัติไชยกล่าวว่า งานที่สำนักส่วนกลางรับผิดชอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานไต่สวนระดับสูงที่มีความรู้และมีประสบการณ์ เพราะทาง ป.ป.ช. เตรียมตั้งรับอยู่แล้ว หากมีเรื่องใหญ่ๆ เข้ามาก็ต้องมอบหมายให้ดำเนินการ