×

‘เก่ง การุณ’ กับบ้านหลังใหม่ ไทยสร้างไทย เกมเดิมพันอนาคต ส.ส.

30.01.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • สำหรับ เก่ง-การุณ โหสกุล หากให้นิยามความเป็น เก่ง การุณ คือความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ 
  • เขายืนยันว่า เขายังคงเป็น เก่ง การุณ คนเดิมกับที่เคยถูกคลุมถุงดำพาขึ้นรถในวันแรกที่เกิดรัฐประหารปี 57 วันนี้ยังยืนหยัดอยู่ข้างประชาธิปไตย 
  • แม้เข้าสู่บ้านหลังใหม่ที่อบอุ่น ชื่อไทยสร้างไทย แต่ เก่ง การุณ ยืนยันความกตัญญูต่อเจ้านายทุกคน และยังโอภาปราศรัยกับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ในบ้านหลังเดิมที่เก่งได้มีส่วนร่วมสร้างขึ้นมา พร้อมจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้อยากเป็นคู่แข่ง

“เก่งเป็นชื่อเล่น ใช้มาตั้งแต่เกิด ปีนี้อายุเข้า 55 ปีแล้ว เรามีโอกาสเติบโตมาในพื้นที่ มีแม่ขายส้มตำ เราเป็นเด็กในพื้นที่ เราขายของกับแม่ คนก็เรียก เก่ง เก่ง พอเราทำงาน หลายๆ คน วัยรุ่นก็เรียก จารย์เก่ง คนรุ่นเดียวกันเรียกน้าเก่ง แล้วคนรุ่นพี่รุ่นอาก็เรียกเสี่ยเก่ง ในตอนนั้นคือความอบอุ่นที่เขาให้เกียรติเรา ซึ่งถือว่าเราได้เติบโตมา พอมาเข้าการเมืองเราทักทายประชาชนพี่น้อง สวัสดีครับ พี่น้องครับ ผม เก่ง-การุณ โหสกุล จำได้ไหมครับ”

 

บทสนทนากับ THE STANDARD ข้างต้นของ เก่ง-การุณ โหสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 4 สมัย คือการนิยามตัวเองให้ผู้อ่านได้รู้จักคนชื่อ เก่ง การุณ ก่อนที่จะเจาะใจเขาต่อไป ในโอกาสที่ เก่ง การุณ ได้ตัดสินใจย้ายบ้านหลังใหม่ จากเพื่อไทยไปยังไทยสร้างไทย 

 

 

“ผมได้มีโอกาสใช้คำว่า เก่ง การุณ มาโดยตลอด ตั้งแต่เป็น ส.ข. ดอนเมือง เป็น ส.ก. ดอนเมือง 2 สมัย แล้วก็เป็น ส.ส. ก็อีก 4 สมัย ซึ่งถือว่าคำว่าเก่งมันติดตัว มันเป็น DNA มา มันคือการต่อสู้ไม่ว่าทางทำมาหากิน การต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ การต่อสู้ทางการเมือง การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ เราก็ใช้คำว่า เก่ง การุณ มาโดยตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วคือ การุณ โหสกุล ก็เลยติดตัวมาตลอดคือคำว่า เก่ง การุณ และที่สำคัญบทบาทในพื้นที่ผมได้อาศัยเวลาในวันมงคล วันสำคัญต่างๆ ที่ได้ไปพูดถึงความลำบากที่เติบโตมา เหมือนเป็นพี่สอนน้อง เด็กๆ ก็จะได้ความจำว่า พี่เก่งของเรา พ่อเก่งของเรา มาสอนน้องๆ ในวันพ่อวันแม่ พูดถึงความลำบากว่าพี่เก่งเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้ววันหนึ่งพี่เก่งมาเป็นผู้แทนราษฎร พี่เก่งก็ใช้โอกาสนี้ในการที่จะช่วยเหลือสังคม นี่คือนิยามคำว่า เก่ง การุณ ครับ”

 

บรรทัดต่อจากนี้ไปคือการเริ่มเจาะลึกลงไปให้รู้จักคนชื่อ เก่ง การุณ มากขึ้น ในช่วงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ชวนให้ทุกคนเห็นความผันผวน แต่มีความแน่นอนสำหรับ เก่ง การุณ

 

 

อะไรคือความภาคภูมิใจของการเป็น ส.ส.

อย่างที่ผมบอกตลอดเวลา ว่าตัวผมมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ยากลำบาก และการย่างก้าวเข้าสู่การทำงานการเมืองมันต้องปากกัดตีนถีบ ช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด สำหรับหลักยึดเหนี่ยวที่ผมยึดในการทำงานการเมืองมาโดยตลอดคือผมได้เติบโตมา ได้อาศัยโอกาสจากพี่น้องในพื้นที่ ผมถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งการทำงานในพื้นที่ผมถือเป็นความภูมิใจ ที่ผมได้ทำงานให้พี่น้อง การเป็นสมาชิกสภาเขตผมก็ได้ประสานงานเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้พี่น้อง พอเป็นสมาชิกสภากรุงเทพฯ ก็ได้ดูภาพรวม ได้เห็นแนวทางแก้ปัญหาจากพื้นที่ต่างๆ นำมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน การที่ได้ทดแทนคุณของพี่น้องที่ให้โอกาสกับผมมา 

 

สำหรับความภาคภูมิใจ ผมจะบอกว่าจริงๆ แล้วชีวิตผมทั้งชีวิตใช้หัวใจเดินทางมาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหน ไม่ว่าจะสูงขึ้นขนาดไหน หรือจนกระทั่งถูกใบแดง แม้กระทั่งถูกรัฐประหารยึดอำนาจ ผมเองก็ยังใช้ความเป็นผู้แทนตลอดชีวิต จากลูกแม่ค้าจนๆ ได้เติบโตมา ผมถือว่าผู้ที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนเป็นผู้มีพระคุณ แล้วถึงวันหนึ่งถ้ามีโอกาส ผมจะทดแทนบุญคุณของเขา ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ฉะนั้นแล้วความเป็นผู้แทนจะติดตัวผมไปจนวันตาย เมื่อพี่น้องต้องการพึ่งหวัง ผมจะไปช่วย แม้ว่าจะมีหรือไม่มีตำแหน่ง ผมก็จะเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนคนดอนเมืองให้ได้ 

 

 

ในวันที่ต้องออกจากบ้านหลังใหญ่อย่างเพื่อไทย รู้สึกอย่างไร

 

เป็นความลำบากใจอย่างมาก เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในฟันเฟืองเล็กๆ ที่ช่วยก่อร่างสร้างบ้านหลังใหญ่ แล้วที่ผ่านมาบ้านเมืองเรามีความขัดแย้ง มีการปฏิวัติ รัฐประหาร เราย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2557 คสช. ยึดอำนาจ ก็บริหารบ้านเมืองอย่างที่เราเห็น แล้วมีรัฐธรรมนูญที่เหมือนจะเต็มใบแต่ก็ไม่เต็มใบ แล้วอีก 4 ปีที่ผ่านมาเราก็มีผู้บริหารชุดเดิม ผมดูแล้วว่าเศรษฐกิจก็มีปัญหา สังคม การเมืองก็มีปัญหา ฉะนั้นวันนี้ที่ผมออกจากบ้านหลังใหญ่ไม่ต้องถามเลยว่าผมจะไปไหน

 

ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนปี 2549 ผมได้ไปร่วมชุมนุมตอนนั้นที่รามคำแหง แล้วมีรัฐประหาร 2549 ผมก็ได้อยู่กับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ต่อมาปี 2553 ผมก็โดนคดีก่อการร้าย อยู่ในแกนนำ ในการต่อสู้ทุกครั้งเราไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ได้อย่างไร เราคิดแต่ว่าวันนั้นเราจะทำให้ประชาชนมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้อย่างไร และประชาธิปไตยจะนำพาความมั่งคั่งกลับมาสู่เขาได้อย่างไร ฉะนั้นผมต่อสู้มา ตอนรัฐประหารที่ผมถูกตัดสิทธิการเมืองโดนใบแดงอยู่ ผมมั่นใจเลยว่าผมเป็นคนแรกๆ ที่ถูกทหารรวบตัวไป ลองนึกสภาพว่าคนโดนทหารรวบตัวกลางคืน ใส่ถุงดำคลุม เอาใส่รถตู้ พาไปตระเวน ตี 2 วันนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเดินออกจากบ้านแล้วจะได้กลับมาไหม เป็นการต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งมันสำคัญมาก และการเข้ามาสู่พรรคไทยสร้างไทย เราจะเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์ยืนยันตลอดเวลาว่าอย่างไรเราจะต้องอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย อยู่ฝ่ายประชาชน ผมเองก็จะตามท่านเป็นหนึ่งในฝ่ายประชาธิปไตยที่จะสู้กับเผด็จการในการต่อสู้

 

ผมเองเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยมันสวยงาม มันคิดต่างได้ ไม่ว่าจะเห็นต่างกันอย่างไรอย่าให้ถึงกับแตกความสามัคคี ถึงกับแตกแยก ถึงกับทำให้พวกเราอยู่กันอย่างไม่มีความสุข ฉะนั้นแล้วผู้นำที่เราอยากได้คือผู้นำที่มีความอ่อนน้อมและมีความเข้มแข็ง แล้วมีความใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ว่าท่านย่างก้าวไปไหน พี่น้องประชาชนได้กอด ได้ระบายความอึดอัดที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ความแร้นแค้นความยากลำบากมันย่างก้าวเข้ามา เมื่อเขาได้กอดได้เสียน้ำตา พี่น้องเขาก็รู้สึกว่านี่คือคนที่เขาอยากได้ คนที่เขาหวัง ฉะนั้นผมก็ขอโอกาสที่จะเข้าเป็นหนึ่งในขุนพลหนึ่งในฟันเฟืองเล็กๆ ของพรรคไทยสร้างไทย ที่จะนำพาสิ่งดีๆ กลับมาให้พี่น้องคนไทยทุกๆ คน และโอกาสให้ผมได้มาทำงาน ผมยืนยันกับทุกคนว่าผมรักเจ้านายทุกๆ คน และคนในพรรคเก่าคือพี่น้องของผมทุกๆ คน ผมเดินก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่เพื่อก้าวสู่บ้านหลังเล็กๆ ที่มีความอบอุ่น 

 

 

เก่ง การุณ คือเครื่องหมายของความกตัญญู

 

ตัวผม หลายๆ คนเขาเนมว่าเป็นเครื่องหมายของความกตัญญู ผมต้องรับใช้พี่น้องประชาชนด้วยความกตัญญู และที่สำคัญผมไม่ต้องคิดเลยว่าผมจะไปไหน ก้าวต่อไปผมจะต้องไปพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งผมถือว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ท่านเป็นผู้ที่เป็นแบบอย่าง เป็นเหมือนพี่สาว เป็นเหมือนครูในด้านการเมืองของผม ผมเคยพูดมาหลายปีแล้วว่าการเมืองของผมมีอยู่ 2 ท่าน หนึ่งในนั้นคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เปรียบเสมือนแม่ผมทางการเมืองในตอนนั้น ผมจำเป็นและตั้งใจที่จะก้าวเข้าสู่บ้านหลังนี้ พรรคไทยสร้างไทย เพื่อที่จะทำสิ่งที่เกิดประโยชน์สูงสุดให้กับพี่น้องประชาชน 

 

 

ความรู้สึกกับบ้านหลังเก่า มีมุมมองต่อการออกมาอย่างไร

 

ผมคิดว่าผมจำใจออกมานะ บ้านหลังนั้นผมเป็นผู้ร่วมสร้างไว้ การก้าวออกจากบ้านหลังนั้นมาเราไม่อยากไปพูดถึงอดีต เพราะว่าผู้ใหญ่ในพรรคหลายคน เพื่อนๆ ผมที่โอภาปราศรัยกันก็ยังอยู่ ผมจะบอกว่าผมไม่ได้มีปัญหากับท่านเหล่านั้นเลย แต่การที่ผมออกจากบ้านหลังใหญ่มาผมถือว่าผมเสียสละพอสมควรเพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งก่อนหน้านี้ และคิดว่าความขัดแย้งในอนาคตจะลดลง ผมถือว่าผมไม่อยากจะเป็นคู่แข่ง แต่ผมอยากจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ซึ่งการที่ผมตัดสินใจเข้าสู่พรรคไทยสร้างไทย ถือว่าเป็นพรรคฝ่ายเดียวกันที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย จุดยืนผมจะยืนข้างนี้ตลอด

 

สำหรับการที่จะมองว่าผมเป็นคู่แข่ง ผมอยากจะให้มองว่าการทำงานให้พี่น้องประชาชน ทำให้เขาได้เห็นถึงความสบายสำหรับตัวเขาในวันข้างหน้า ถือว่าเราเป็นเพียงตัวนำสาร ตัวประสานงานภาครัฐกับภาคประชาชน จะทำอย่างไรให้เขามีความสุข ด้วยการนำนโยบายที่กำลังจะเสนอไปทำให้เขามีความสุข เป็นโอกาส เป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน ถ้าทุกคนคิดว่ามาทำงานให้กับพี่น้องประชาชน พี่น้องเห็นถึงความสำคัญ เห็นถึงความตั้งใจแล้ว ผมเชื่อว่าเขาจะให้โอกาส ตัวผมเองไม่มีอะไรเลย ก็บอกแต่แรกแล้วว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ผมก็จะต้องเป็นผู้แทนของพี่น้องคนดอนเมืองให้ได้ และผมอยากเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ที่จะเปลี่ยนผ่านห้วงเวลาแบบนี้ นำความสุขด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมกลับมาได้

 

 

กลัวไหมจะไม่ได้เป็น ส.ส.

 

ในมุมของการต้องเป็นคนขยับออกมา ต้องเปลี่ยนมาสู่บ้านหลังใหม่ กังวลไหม

 

ทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากลำบาก สำหรับผมมันคือความผูกพัน คือตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มาพรรคพลังประชาชน แล้วก็เพื่อไทย เป็นพรรคที่ให้โอกาสผมได้ทำงานการเมืองมา เจอศึกหนักน้ำท่วม ไปดูคลิปได้เลยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 ผมตอบในสภาชัดเจน ในบทบาทและหน้าที่และทุกคนก็ยอมรับในตรงนั้น ไม่ว่าภาพจะออกมาอย่างไร แต่ด้วยหัวใจของเราเห็นประชาชนลำบากเดือดร้อน น้ำท่วม ผมไม่สามารถจะดูดายได้เลย และถ้าย้อนกลับไปได้ที่จะโดนถอดถอนในวันนั้น ผมก็จะยังทำแบบนั้น เพราะประชาชนเขาไม่ได้มีที่พึ่งอะไรเลยนอกจากคนใกล้ตัวในวันนั้น และผมพูดชัดเจนว่าทุกคนกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ผมย้ำว่าการออกจากบ้านหลังเก่าของผมออกด้วยความจำใจ ผมไม่ได้อยากจะออก และมันมีอะไรให้คิดเยอะ แต่ผมยืนยันว่าผมจะไม่ไปติดตามจองล้างจองผลาญ เพราะบ้านหลังเก่าเป็นบ้านที่พี่ๆ น้องๆ ทุกคนอยู่กันครบ และเป็นพี่น้องที่ให้ความเคารพให้ความรักต่อกันมาตลอด ผมถึงบอกว่าเป็นความลำบากใจที่จะต้องออกมา 

 

การออกมาเบื้องแรกผมก็คิดก่อนว่าผมจะทำการเมืองต่อ หรือผมจะเบื่อไปเลย แต่ผมได้รับโอกาสมาทั้งชีวิตจากพี่น้องประชาชน ตำแหน่งทุกตำแหน่งก็ได้รับจากพี่น้องประชาชนคนดอนเมืองทั้งสิ้น ดังนั้นผมจะเอาตัวเองรอดแล้วทิ้งพี่น้องประชาชนให้ขาดที่พึ่ง ผมคิดว่าผมไม่สามารถจะทำอย่างนั้นได้ ฉะนั้นแล้วไม่ต้องคิดเลยที่ผมบอกว่าจะเดินก้าวต่อไปอย่างไร เป้าหมายผมคือพรรคไทยสร้างไทย เมื่อการเลือกตั้งเสร็จ ไม่ว่าเราจะได้กี่เสียง ไม่ว่าผมจะได้กลับมาหรือไม่กลับมา เราจะได้นำนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนคนดอนเมืองและคนไทยทุกคน 

 

กลัวไหมกับการจะแพ้เลือกตั้ง กลัว แต่สำคัญกับผมไหม ไม่สำคัญ เพราะอย่างที่ผมบอกเลย จะมีตำแหน่ง หรือไม่มีตำแหน่ง ตอนโดนรัฐประหาร ตอนโดนใบแดง ผมก็ทำหน้าที่ไม่เคยหยุดเลย ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว ยังเป็นพี่เก่ง น้าเก่ง อาจารย์เก่ง เสี่ยเก่ง ของทุกคนอยู่

 

 

เรียกได้ว่าตอนนี้ก็ใกล้หมดเวลารัฐบาลประยุทธ์ เข้าสู่การที่เราจะมีรัฐบาลใหม่ ช่วยรีแคปการเมืองช่วงที่ผ่านมาสักนิด 

 

5 ปีที่ผ่านมา มาจากการรัฐประหารที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ พวกใครพวกมัน แล้วคนเหล่านั้นไม่ได้สะอาด ไม่ว่าเทวดาที่ไหน ทุกคนทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้น 5 ปีแรก บ้านเมืองสงบจริง แต่สงบเพราะถูกเหยียบ ถูกกดทับ ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ไม่สามารถจะพูดอะไรได้เลย ใครแสดงออกถึงความเห็นต่างก็ถูกคดีต่างๆ มากมาย นั่นคือภาวะผู้นำซึ่งผมไม่อยากเห็น ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา การฟอกตัวเข้ามา แปลงตัวเข้ามา มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแทนที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้ซึมซับถึงระบอบการเลือกตั้งมีแล้วนะ การจัดตั้งรัฐบาลควรที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในแต่ละด้านให้มีความสมบูรณ์พูนสุข ไม่ว่าเจอวิกฤตอะไร รัฐบาลต้องเป็นที่พึ่งหวัง ผมเอง ไม่ได้กังขากับความแข็งแกร่งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพ แต่ผมกังขาในความสามารถและในการบริหารทรัพยากรคนต่างๆ ของรัฐบาล ในการที่จะจัดคนลงมาดูแลพี่น้องประชาชนทุกมิติ เราจะไม่เห็นเลย

 

 

สุดท้ายนี้ กับการเข้าสู่โอกาสเลือกตั้ง ส.ส. ของคนรุ่นใหม่ อยากให้ฝากถึงคนรุ่นใหม่ New Voter ที่จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ทำไมถึงต้องสนใจการเมือง

 

การเมืองเป็นเรื่องของทุกๆ คน เป็นเครื่องนำทางที่จะดูแลด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมให้กับประเทศไทย และที่สำคัญคนรุ่นใหม่มีศักยภาพ มีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนอีกรุ่น แต่คนรุ่นเก่าก็ยังสามารถให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ในเรื่องวิธีคิดต่างๆ ที่จะเอามาใช้กับโลกยุคนี้ได้ สำคัญที่สุดขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการเมืองด้วย เพราะสิ่งดีๆ จะมีได้ด้วยทุกคนสนใจการเมือง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X