×

อังคณา นีละไพจิตร ออกจดหมายเปิดผนึกถึง ชวน หลีกภัย ขอสภาฯ พิจารณากฎหมายป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย

30.08.2019
  • LOADING...
อังคณา นีละไพจิตร

อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลและประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องในโอกาสวันสากลแห่งการบังคับสูญหาย 30 สิงหาคม 2562 มีเนื้อหาระบุว่า

 

วันที่ 30 สิงหาคม เป็นวันที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันสากลแห่งการรำลึกถึงเหยื่อของการสูญหายโดยถูกบังคับ (International Day of the Victims of Enforced Disappearances) คือวันที่ทั่วโลกร่วมกันรำลึกถึงเหยื่อและครอบครัวของผู้ถูกบังคับสูญหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ภาวะสงคราม การปราบปรามจากรัฐ หรือการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก 

 

ในฐานะครอบครัวผู้ถูกบังคับสูญหาย ดิฉันพบว่า มีปัญหาและอุปสรรคมากมายในการเข้าถึงความยุติธรรมและความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของเหยื่อ โดยเฉพาะอุปสรรคทางกฎหมาย เนื่องจากประเทศไทยไม่มีกฎหมายในความผิดฐานบังคับบุคคลให้สูญหายและเอาผิดต่อผู้กระทำผิด

 

แม้ที่ผ่านมารัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้ลงนามรับรองอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance: ICPPED) ขององค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 และต่อมาได้มีมติเห็นชอบในหลักการการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาฯ รวมถึงเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหาย พ.ศ. … ที่เสนอโดยกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 และได้ส่งร่าง พ.ร.บ. ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา แต่ สนช. ใช้เวลาพิจารณาอย่างล่าช้า มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยการตัดเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญหลายประเด็นที่เป็นหลักประกันสำคัญทางกฎหมายในการป้องกันและยุติการบังคับสูญหายออกไป นอกจากนั้นในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ของ สนช. ยังขาดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงผู้ความเชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนอย่างมีนัยสำคัญ และในที่สุดร่าง พ.ร.บ. ทรมานและบังคับสูญหายก็ตกไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นการก้าวถอยหลังอย่างยิ่งของรัฐบาลไทยในการดำเนินการตามคำมั่นที่ได้รับปากรับคำไว้

 

และแม้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน แต่ผ่านมา 2 ปีเศษ คณะกรรมการชุดดังกล่าวก็แทบไม่สามารถเปิดเผยที่อยู่และชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายและคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวได้ โดยเฉพาะกรณีการบังคับสูญหายที่มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน เช่น กรณี สมชาย นีละไพจิตร, พอละจี รักจงเจริญ หรือ กมล เหล่าโสภาพันธ์ 

 

ในโอกาสวันสากลเพื่อรำลึกถึงเหยื่อของการสูญหายโดยถูกบังคับ ดิฉันจึงเขียนหนังสือเปิดผนึกฉบับนี้ เพื่อย้ำเตือนและเรียกร้องต่อรัฐบาล รัฐสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

 

1. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรมนำร่างเดิมที่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมอย่างเปิดเผยของทุกภาคส่วนของสังคม เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อนำกลับมาพิจารณาใหม่

 

2. เนื่องจากการบังคับสูญหายเป็นอาชญากรรมต่อเนื่องที่ไม่มีอายุความ คณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ควรดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อติดตามและเปิดเผยที่อยู่และชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายทุกคน รวมถึงให้การเยียวยาแก่ครอบครัว ทั้งการเยียวยาด้านกฎหมายและการเยียวยาที่ไม่ใช่ทางกฎหมาย (Judicial & Non Judicial Remedy) ทั้งนี้ การสืบสวนสอบสวนจะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รอบคอบ อิสระ ยุติธรรม และที่สำคัญจะต้องมีความโปร่งใส และญาติจะต้องทราบว่ากระบวนการสอบสวนมีความก้าวหน้าหรือไม่อย่างไร

 

3. ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำร่างที่กระทรวงยุติธรรมได้รับฟังความเห็นจากประชาชนกลับมาพิจารณา โดยให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญที่มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้มีความรู้ด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนและภาคประชาสังคมที่มีประสบการณ์ด้านการบังคับสูญหาย เพื่อให้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหายมีความสอดคล้องกับอนุสัญญาการบังคับสูญหายขององค์การสหประชาชาติ และเพื่อให้สามารถคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับสูญหายได้จริง

 

4. ในระหว่างที่ยังไม่มี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหาย #ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance: ICPPED) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมีความจริงใจ เต็มใจ และมีเจตจำนงทางการเมืองเพื่อคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ

 

ในทุกๆ ปี ครอบครัวผู้ถูกบังคับสูญหายต้องลุกขึ้นมาถามหาความเป็นธรรมและความจริงใจจากรัฐ ทั้งที่รัฐมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคน ในฐานะครอบครัว ดิฉันไม่เคยเหน็ดเหนื่อยในการทวงถามความเป็นธรรม แม้เสียงของดิฉันจะไม่ดังไปถึงผู้มีหน้าที่และอำนาจในการอำนวยความยุติธรรม แต่เรื่องราวการบังคับสูญหายในประเทศไทยจะไม่สามารถปกปิดได้ และจะบอกถึงความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมและความไม่จริงใจของรัฐบาล วันนี้รัฐบาลและรัฐสภาไทยกำลังถูกท้าทายระหว่างความกล้าหาญในการยืนยันหลักการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน กับการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน บางกลุ่มที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจในการลักพาตัวและบังคับให้บุคคลสูญหาย

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising