บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มีลุ้น Fed ปลายปีนี้หั่นดอกเบี้ยลง หลังสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเข้า Recession พร้อมหวังเดินหน้าตั้งรัฐบาล มองเป็นเงื่อนไขบวกดึง Fund Flow ไหลกลับมาซื้อหุ้นไทย หลังขายหนักเฉียดแสนล้าน มีหวังดัน SET Index ปีนี้แตะ 1,700 จุด
เอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะมีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ช่วง 5.13% และมีโอกาสที่จะเห็นการคงดอกเบี้ยไปถึงสิ้นปีนี้ หลังจากล่าสุดสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษาคมปีนี้อยู่ที่ 4% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี
อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นสำคัญให้ติดตามการประชุมของ Fed ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีนี้ที่จะให้น้ำหนักในการพิจารณานำปัจจัยตัวเลขเงินเฟ้อร่วมด้วยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเห็นท่าทีของ Fed ที่ชัดเจนว่าจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือเดินหน้าปรับขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ทั้งนี้ประเมินว่ามีโอกาสที่จะเห็น Fed ปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีนี้ หากสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) รุนแรง
สำหรับกระแสเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ที่สถานการณ์ปัจจุบันยังไหลเข้าและออกสลับกัน ถือเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยประเมินว่าปัจจัยที่จะส่งผลให้ Fund Flow ไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและสนับสนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้จะต้องมี 2 เงื่อนไขสำคัญเกิดขึ้น คือ 1. ค่าของเงินดอลลาร์ต้องอ่อนลงเมื่อเปรียบกับค่าเงินภูมิภาคเอเชียที่แข็งค่าขึ้น โดยจะเกิดขึ้นได้ Fed จะต้องส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะหยุดดอกเบี้ย
- ปัจจัยการเมืองในประเทศไทย หากมีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหลังผ่านการเลือกตั้งมาครบ 1 เดือนจะเป็นผลดีต่อหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล จึงกดดันดัชนีหุ้นไทยปัจจุบันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายัง Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค
ส่วนกรณีที่นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย (YTD) มูลค่ารวมประมาณ 9.98 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่แน่นอน ประกอบกับในปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้วประมาณ 2 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเห็นแรงขายออกมาอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่หากเงื่อนไขการหยุดดอกเบี้ยของ Fed กับปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน มีโอกาสที่ Fund Flow จะไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
เอกภาวินประเมินว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง โดยกรอบบนที่ 1,700 จุด และกรอบล่างที่ 1,500 จุด ซึ่งหากมีปัจจัยลบกดดันให้ SET Index ปรับตัวลดลงหลุดต่ำกว่ากรอบล่างดังกล่าวนับเป็นจุดน่าสนใจลงทุน อีกทั้งหากเปรียบเทียบอ้างอิงกำไรของตลาดหุ้นไทยปี 2567 จะมี P/E Ratio อยู่ที่ระดับ 14 เท่า มองว่าจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้นไทย โดยประเมินว่าภายในปี 2566 มีโอกาสที่จะเห็น SET Index ปรับขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุด ส่วนปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่า GDP จะขยายตัวในระดับ 3.5%
นอกจากนี้ กลยุทธ์แนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในธีม Earning Play ที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือไตรมาสก่อนหน้า หุ้นแนะนำ ได้แก่ AOT, BBL, ADVANC, MINT, OSP รวมถึงหุ้นกลุ่มที่กำไรผ่านจุดต่ำสุดคือหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คือ KCE อีกทั้งหุ้น ONEE
