แค่หัวข้ออาจจะคิดว่า เราจะมาพูดเรื่องธรรมะอะไรหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้ใช้ได้จริง เพราะเป็นสัจธรรมชีวิต รวมถึงชีวิตของเหล่าบรรดา Influencer ในยุคนี้ก็ตาม เราล้วนเห็นวัฏจักรของ Influencer เวียนว่ายตายเกิดในโลกโซเชียลมากมาย ต่างคนต่างมีวิธีสร้างฐานแฟนคลับ สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่างกัน หาช่องทางในการสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ และอีกวันเราก็อาจจะเห็น Influencer คนนั้นดับลงเพียงพริบตาเดียว
ในยุคที่ทุกคนเป็น Influencer ไม่ว่าจะเป็นโดยแบบไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจไว้ก็ตาม แต่ทุกคนมีอำนาจในการโน้มน้าวคนบนโลกโซเชียลของตัวเองไม่มากก็น้อย เราทุกคนต้องยอมรับว่าอาชีพในยุคปัจจุบัน ‘Influencer’ คือหนึ่งในอาชีพในฝันของเด็กหลายๆ คน ที่พยายามหาช่องทาง หาวิธีการ หาความเป็นตัวตน สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่าง ที่จะทำให้ตัวเองเป็น Influencer ที่สามารถทำเงิน หรือต่อยอดบางอย่างให้กับตัวเอง
แต่ไม่ใช่ทุก Influencer ที่จะถึงฝั่งฝัน บางคน ‘ดัง’ ชั่วข้ามคืน และ ‘ดับ’ ชั่วข้ามคืน เหมือนกัน จากที่เราเห็นเคสตัวอย่างหลายๆ เคสที่เป็นเทรนด์ในชั่วข้ามคืน แล้วเหมือนโดนธรณีสูบหายไปในโลกโซเชียล บ้างก็กลับมาเฉิดฉาย ถ้ายังได้รับการตอบรับหรือความเห็นใจจากแฟนๆ ของเขาเอง ซึ่งปัจจัยหลักๆ คือ การตอบรับและความยอมรับของประชาชนในโลกโซเชียล หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘ชาวเน็ต’ ที่มีพลังอำนาจในการชี้เป็นชี้ตาย Influencer คนนั้น เพราะไม่ว่ากระแสต่างๆ ทั้งด้านบวก และด้านลบ ก็จะต้องส่งผลให้ดังหรือดับได้อย่างแน่นอน
ชาวเน็ต คือคนกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ สิ่งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ซึ่งในการแสดงออกนั้นก็จะมีการใส่อารมณ์ส่วนตัว พิมพ์เมนต์รัวๆ แชร์รัวๆ หรือทำภาพ หรือคลิปวิดีโอ Live แสดงความเห็นของตนเอง แล้วแชร์เข้าไปในอีกภพหนึ่งบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งผลที่จะได้ขึ้นอยู่กับเชื้อและต้นตอของประเด็น รวมถึงการพิพากษาของศาลที่มีคณะลูกขุนที่ชี้เป็นหรือชี้ตายได้เลยทีเดียว แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบเสพคอนเทนต์เหล่านี้ (บ้าง) เหมือนกัน เพราะเหมือนเราได้เสพความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่ๆ จากชาวเน็ต จนบางทีครีเอทีฟในเอเจนซีถึงกับต้องเอากรังด์ปรีส์จากคานส์มาวางให้ตรงหน้าเลยทีเดียว
สูตรสำเร็จที่ทำให้ Influencer เหล่านั้นประสบความสำเร็จ ไม่ได้เกิดจากโปรดักชันระดับกองถ่ายหนัง กล้อง 4K หรือทีมช่างหน้าระดับฮอลลีวูด แต่ปัจจัยที่จะทำให้เกิดจริงๆ ก็คือ ‘คอนเทนต์’ ที่สดใหม่ สร้างสรรค์ สนุกสนาน มีประโยชน์ (บ้าง) และ ‘ความเป็นตัวตน’ ที่เข้าถึงได้จริง เพื่อกอบโกยยอดคนดู ยอดคนไลก์ แล้วไปเตะตากับนักการตลาดหรือแบรนด์สินค้าต่างๆ ให้เรียกใช้บริการ รีวิวสินค้า ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของรายได้หลักสำหรับเหล่า Influencer
แต่ส่วนตัวผมเอง ผมชอบความเป็นตัวตนของ Influencer ที่เป็นธรรมชาติ เพราะบางคนที่เราเคยชื่นชอบในคาแรกเตอร์ ในจริตต่างๆ ในท่าทางโยกคอโยกไหล่ใส่ Attitude ในการพูดในแบบตัวเอง แต่พอดังมากๆ กลายเป็น ‘กระบอกเสียงทางการค้า’ ของเหล่าบรรดาแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกสคริปต์ให้พูดคุณลักษณะของสินค้าต่างๆ บ้างก็ทำให้ขาดความธรรมชาติ ความสด ความเป็นตัวตนหายไป ก็จะทำให้ยอดวิว ยอดไลก์หายกันไปเกินครึ่ง
แต่ดังคำพูดที่ว่า ‘ดังได้ ก็ดับได้’ ในโลกของ Influencer นั้นเป็นเรื่องง่ายมาก แค่พริบตาเดียว ก็สามารถถึงจุดดับ ทำ CPR กันไม่ทันเลยทีเดียว ส่วนมากจะเกิดจากการรับไม่ได้ที่โดนคำพิพากษาของคณะลูกขุนแห่งภพอินเทอร์เน็ต และการแสดงออกถึงความไม่พอใจในจริตต่างๆ ก็จะยิ่งเหมือนโยนน้ำมันลงกองเพลิงใส่คณะลูกขุน มันก็จะยิ่งลุกลาม แต่ข้อดีคือ สิ่งเหล่านี้มันมักจะหายไปในไม่นานถ้าเราไม่เพิ่มเชื้อไฟลงไป เพราะวันรุ่งขึ้นก็จะมีประเด็นใหม่ คดีใหม่ ให้คณะลูกขุนได้ตัดสินกันต่อ
วิธีการรับมือที่เหล่าบรรดา Influencer ควรเรียนรู้คือ การทำ Crisis Management เริ่มแรกจากการทำความเข้าใจภาวะวิกฤตก่อนว่าตอนนี้ปัญหาคืออะไร เข้าใจความร้ายแรงของภาวะวิกฤต พิจารณาวิธีแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับปัญหานั้น และปฏิบัติกับแก้ไขให้ถูกต้อง ฟังดูง่าย แต่ต้องใช้สติในการทำค่อนข้างมาก เพราะเวลายืนอยู่ปากเหวที่กำลังโดนพิพากษาอยู่นั้น เราอาจจะเรียบเรียงวิธีคิดแบบนี้ไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นในภาวะวิกฤต คือ ‘สติ’ และคำว่า ‘ขอโทษ’ ไม่ว่าจะขอโทษในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอโทษที่มองข้ามเรื่องเล็กน้อย ขอโทษที่ไม่ได้ตั้งใจ เลยทำให้คำขอโทษเป็นคำที่ทำให้ทุกอย่างดูซอฟต์ลงนิดหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับความจริงใจและความเข้มของปัญหา เพราะถ้าเราไม่หยุดเติมเชื้อไฟ สิ่งที่เราจะโดนคือการขุดคุ้ยจากทีมคณะลูกขุน เรียกได้ว่าสืบยัน DNA กันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ Influencer ที่ไม่สามารถรับคำพิพากษาเหล่านี้ได้ ก็จะล้มหายตายจากโลกโซเชียลได้อย่างง่ายดาย
ในเมื่อความดังคือสิ่งที่เราโหยหา เพื่อให้ได้ Privilege หรือความกินดีอยู่ดีของเรา แต่มันก็ต้องแลกมากับความเป็นคนสาธารณะ Influencer ทุกคนจึงต้องสำนึกว่าทุกการกระทำนั้นย่อมมีผลกรรมตามมาทุกอย่าง
ทีนี้ คุณพร้อมจะเกิดขึ้น ดังอยู่ ดับไป ในโลกโซเชียลแล้วหรือยังครับ