พัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายหลังจากพบเคสหญิงสาวอายุ 29 ปีติดเชื้อโควิด-19 ก็ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าดำเนินการสอบสวนโรคทันที และนำตัวกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดกว่า 300 คนไปตรวจหาเชื้อ ขณะเดียวกันก็มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในสถานที่ที่หญิงสาวรายนี้เดินทางไปแล้ว
ฉะนั้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ ภาคเอกชนจึงร่วมกันลงขัน หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วเกิดข้อผิดพลาด ติดโควิด-19 จากหญิงรายนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมจ่ายค่าทำขวัญให้ทันที 1 แสนบาท หรือหากเกิดการสูญเสียก็พร้อมจ่าย 1 ล้านบาทเช่นกัน โดยมาตรการสร้างความมั่นใจนี้ เพื่อการันตีว่าจังหวัดเชียงใหม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
และจากการตรวจสอบกับสมาชิกและผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็พบว่า หลังพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายล่าสุด ทำให้มีการยกเลิกการจองที่พักหรือการเดินทางเข้ามาเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก ขณะที่ส่วนใหญ่ที่จองและจ่ายเงินแล้วยังยืนยันที่จะเดินทางมาเหมือนเดิม
ด้านเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่าจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ หรือหากเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วกลับไปยังภูมิลำเนา ไม่ต้องกักตัว 14 วัน เพราะไม่ใช่พื้นที่เสี่ยง โดยเคสของหญิงอายุ 29 ปีที่ติดโควิด-19 สามารถสอบสวนโรค และนำกลุ่มเสี่ยงมาตรวจหาเชื้อได้ทั้งหมด รวมทั้งควบคุมการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสี่ยงสูงที่ใกล้ชิดทั้งหมดแล้ว
“ขอยืนยันว่าจังหวัดเชียงใหม่มีความปลอดภัย และนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ ประชาชนยังใช้ชีวิตกันตามปกติ นอกจากนี้ ได้เพิ่มมาตรการในการตั้งจุดตรวจในเส้นทางที่เชื่อมโยงกับพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมทั้งกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงให้เข้มงวดกวดขันพื้นที่ที่ติดแนวชายแดนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อความปลอดภัย”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล