×

Indiana Jones กับ 5 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานที่มีอยู่จริง

01.07.2023
  • LOADING...

Indiana Jones นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัยระดับตำนานที่อุดมไปด้วยองค์ประกอบอันโดดเด่น ทั้งเรื่องราวการออกล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าสุดตื่นเต้น การผสมผสานฉากแอ็กชันและความคอเมดี้ไว้ได้อย่างสนุกสนาน และการแสดงเปี่ยมเสน่ห์ของ Harrison Ford จนส่งให้ Indiana Jones กลายเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ผู้ชมทั่วโลกยังคงหลงรักมาจนถึงปัจจุบัน 

 

ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นนั้นคือ ‘วัตถุโบราณ’ ที่มาพร้อมกับตำนานเล่าขานและพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ Indiana Jones ต้องออกตามหา วันนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวของ 5 วัตถุโบราณจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Indiana Jones ที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานและวัตถุโบราณที่มีอยู่จริง  

 

ภาพ: IMDb 

 

The Ark of the Covenant จากภาค Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981) 

 

Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark ว่าด้วยเรื่องราวของ Indiana Jones อาจารย์สอนวิชาโบราณคดีที่นอกจากจะมีองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดีแล้ว เขายังเป็นนักผจญภัยมากฝีมือที่ออกตามหาโบราณวัตถุล้ำค่าเพื่อนำมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ วันหนึ่ง Jones ได้รับการไหว้วานให้เดินทางไปค้นหา The Ark of the Covenant หรือหีบแห่งพันธสัญญา ซึ่งมีตำนานเล่าขานว่าผู้ใดได้ครอบครองจะสามารถเอาชนะได้ในทุกศึกสงคราม พร้อมกับขัดขวางไม่ให้ทหารนาซีได้พลังอำนาจของหีบดังกล่าวไป  

 

The Ark of the Covenant หรือหีบแห่งพันธสัญญา เป็นหนึ่งในวัตถุโบราณชิ้นสำคัญที่ยังคงเต็มไปด้วยปริศนา โดยเฉพาะการพยายามพิสูจน์ว่าหีบแห่งพันธสัญญานี้เคยมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หรือไม่ 

 

The Ark of the Covenant

ภาพ: Wikipedia

 

โดยในพระคัมภีร์ไบเบิลได้อธิบายลักษณะของวัตถุโบราณชิ้นนี้ว่า หีบแห่งพันธสัญญาถูกสร้างขึ้นในช่วง 3,000 ปีก่อนโดยชาวอิสราเอล ประกอบขึ้นจากไม้ชุบทอง มีทูตสวรรค์สีทอง 2 องค์ที่ถูกประดับไว้ด้านบน มีไม้ขนาดยาวสำหรับใช้คนหาม ภายในกักเก็บแผ่นหินที่บันทึกบัญญัติสิบประการไว้

 

และเช่นเดียวกับวัตถุโบราณปริศนาอีกหลายชิ้น หีบแห่งพันธสัญญายังมีตำนานที่ถูกเล่าขานต่อกันมามากมาย โดยเชื่อกันว่าหีบแห่งพันธสัญญามีพลังอำนาจในการปกป้องชาวอิสราเอลที่กำลังอพยพจากภัยอันตรายต่างๆ และมีพลังในการนำพาชัยชนะมาสู่ชาวอิสราเอล 

 

ซึ่งแม้ว่าหีบแห่งพันธสัญญาจะมีตำนานเล่าขานที่บ่งชี้ว่าวัตถุโบราณชิ้นนี้มีอยู่จริง แต่นักวิชาการหลายคนก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหีบแห่งพันธสัญญานี้ถูกเก็บไว้ที่ไหนหรือถูกทำลายไปแล้ว 

 

โดยหนึ่งในเรื่องเล่าเกี่ยวกับการคงอยู่ของหีบแห่งพันธสัญญาที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดกล่าวกันว่า ในช่วงเวลาที่กองทัพของชาวบาบิโลนใกล้จะยึดครองกรุงเยรูซาเล็มได้สำเร็จ หีบแห่งพันธสัญญาได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังเมืองอักซุม ภายใต้วิหารเซนต์แมรีแห่งไซออน ประเทศเอธิโอเปีย แต่ในบางเรื่องราวก็กล่าวว่าหีบแห่งพันธสัญญาได้ถูกทำลายลงโดยฝีมือของชาวบาบิโลนในช่วง 586 ปีก่อนคริสตกาล แต่นักวิชาการก็ยังไม่ค้นพบชิ้นส่วนหรือหลักฐานที่ชัดเจนมากพอที่บ่งชี้ว่าหีบแห่งพันธสัญญานี้มีอยู่จริง จึงทำให้การมีอยู่ของหีบแห่งพันธสัญญานั้นยังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน

 

ภาพ: IMDb

 

หิน Sankara จากภาค Indiana Jones and the Temple of Doom (1984)

 

Indiana Jones and the Temple of Doom จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปก่อนเหตุการณ์ในภาคแรกประมาณ 1 ปี เมื่อ Indiana Jones ที่กำลังหลบหนีจากการถูกกลุ่มอาชญากรตามล่า จนเขาหลงไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในอินเดีย โดยผู้คนในหมู่บ้านได้ขอร้องให้เขาช่วยออกตามหาหิน Sankara หินศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบูชาซึ่งถูกขโมยไป จนเป็นเหตุให้ความชั่วร้ายค่อยๆ แทรกแซงเข้ามาในหมู่บ้าน Indiana Jones จึงต้องร่วมมือกับ Willie (Kate Capshaw) นักร้องไนต์คลับ และเด็กหนุ่ม Short Round (Ke Huy Quan) ที่หลบหนีมาด้วยกัน ในการออกค้นหาหิน Sankara ที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา 

  

แม้ว่าหิน Sankara จะเป็นวัตถุโบราณที่สร้างขึ้นจากจินตนาการเพื่อใช้สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom โดยเฉพาะ แต่หิน Sankara นั่นก็มีจุดเชื่อมโยงกับตำนานเล่าขานในโลกความจริงอยู่เช่นกัน 

 

โดยหิน Sankara ได้รับแรงบันดาลใจจากศิวลึงค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะในศาสนาฮินดู ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย เช่น หิน โลหะ ไม้ หรือดินเหนียว และได้รับการเคารพในฐานะของสัญลักษณ์แห่งการสรรค์สร้าง นอกเหนือจากนี้ชื่อของหิน Sankara ยังมีจุดเชื่อมโยงกับชื่อของนักบวชนาม Sankara โดยกล่าวกันว่า Sankara คือผู้ที่ออกเดินทางสู่เขาไกรลาสเพื่อเข้าพบกับพระศิวะ ก่อนที่พระศิวะจะมอบหิน 5 ก้อนที่มีพลังในการต่อกรกับความชั่วร้าย 

 

 

ภาพ: IMDb

 

The Holy Grail จากภาค Indiana Jones and the Last Crusade (1989)

 

Indiana Jones and the Last Crusade ถือเป็นภาคที่พาผู้ชมไปทำความรู้จัก Indiana Jones มากขึ้นกว่าสองภาคที่ผ่านมา กับการฉายภาพวัยเด็กของเขาที่หลงใหลในการผจญภัยและโบราณวัตถุเช่นเดียวกับ Henry (Sean Connery) พ่อของเขา 

 

วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี Indiana Jones ได้รับการไหว้วานให้ออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ตำนานเล่าขานกันว่าผู้ใดที่ได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์นี้จะได้รับชีวิตเป็นอมตะ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อ Indiana Jones ทราบข่าวว่า Henry พ่อของเขาได้หายตัวไปขณะกำลังออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงต้องหาทางช่วยเหลือพ่อของเขาไปพร้อมกับการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่กองทัพนาซีจะได้ไป 

 

The Holy Grail หรือ จอกศักดิ์สิทธิ์ นับว่าเป็นหนึ่งในตำนานที่ถูกหยิบยกมากล่าวถึงในโลกภาพยนตร์และสื่อบันเทิงหลายครั้ง โดยกล่าวกันว่าจอกศักดิ์สิทธิ์เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกจากบทกวีโรแมนติกเรื่อง Perceval, The Story of the Grail ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสนาม Chrétien de Troyes ที่ถูกเขียนขึ้นในช่วงปี 1180-1190 โดยเล่าถึงการเดินทางของอัศวินหนุ่มนาม Perceval และเหล่าอัศวินอาร์เธอร์ หากแต่จอกที่ปรากฏใน Perceval นั้นไม่ได้ถูกเรียกว่า ‘จอกศักดิ์สิทธิ์’ อย่างตรงไปตรงมา 

 

ก่อนที่ชื่อของจอกศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวางมากขึ้นผ่านบทกวีชื่อ Joseph d’Arimathie ของนักเขียนนาม Robert de Boron ที่เขียนขึ้นในช่วงปี 1200 โดยบรรยายถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นจอกที่พระเยซูทรงดื่มในระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ก่อนที่ Joseph แห่ง Arimathea จะนำจอกมารับโลหิตของพระเยซูขณะถูกตรึงกางเขน 

 

ก่อนที่ในเวลาต่อมาตำนานเล่าขานของจอกศักดิ์สิทธิ์จะได้รับการตีความและต่อยอดเรื่องราวผ่านวรรณกรรมและสื่อบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย เช่น The Da Vinci Code (2006) ของผู้กำกับ Ron Howard, แฟรนไชส์วิดีโอเกมชื่อดังอย่าง Assassin’s Creed ที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2007, แฟรนไชส์วิดีโอเกมและอนิเมะจากญี่ปุ่นเรื่อง Fate ฯลฯ

 

ภาพ: IMDb

 

Crystal Skull จากภาค Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008)

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Indiana Jones ได้ถูกเจ้าหน้าที่โซเวียตนาม Irina Spalko (Cate Blanchett) จับตัวไปเพื่อค้นหากะโหลกแก้วแห่ง Akator ที่เชื่อกันว่าเป็นกะโหลกของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งแม้ว่า Indiana Jones จะหลบหนีมาได้ แต่กะโหลกแก้วก็ตกไปอยู่ในมือของ Irina Spalko จึงเป็นเหตุให้เขาต้องร่วมมือกับลูกชายอย่าง Mutt Williams (Shia LaBeouf) และ Marion Ravenwood (Karen Allen) อดีตแฟนสาวของเขาในการขัดขวาง Irina Spalko

 

Crystal Skull หรือ กะโหลกแก้ว ถือเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณที่ถูกค้นพบในหลายพื้นที่ทั่วโลก และยังไม่มีการสรุปอย่างแน่ชัดว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน บ้างก็สันนิษฐานว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากอารยธรรมเมโสอเมริกาโบราณ เนื่องจากการออกแบบที่มีความคล้ายกับศิลปะแบบเมโสอเมริกาโบราณ และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าชาวแอซเท็กมีการใช้กะโหลกเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า หรือความเชื่อที่ดูเกินจริงอย่างเช่นว่ากะโหลกแก้วนั้นมีที่มาจากเกาะแอตแลนติสในตำนาน หรือไม่ก็ถูกสร้างขึ้นจากมนุษย์ต่างดาว 

 

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการผลิตกะโหลกแก้วขึ้นมาเพื่อเป็นสินค้าสำหรับนักสะสมออกมามากมาย โดยสันนิษฐานว่าเริ่มได้รับความนิยมในช่วงปลายปี 1800 ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจวัตถุโบราณมากขึ้น โดยนักโบราณคดีของ British Museum คาดเดาว่ากะโหลกแก้วที่ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งอาจเป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้น ดังนั้นแล้วจึงทำให้เรื่องราวต้นกำเนิดที่แท้จริงของ Crystal Skull ยังคงเป็นปริศนาและได้รับการกล่าวถึงผ่านตำนานเรื่องเล่า รวมถึงการนำมาต่อยอดในสื่อบันเทิงอีกมากมาย 

 

ภาพ: Lucasfilm 

 

The Dial of Destiny จากภาค Indiana Jones and the Dial of Destiny (2023)

 

Indiana Jones and the Dial of Destiny เรื่องราวการผจญภัย ‘ครั้งสุดท้าย’ ของ Indiana Jones โดยครั้งนี้เขาจะต้องออกเดินทางไปพร้อมกับ Helena (Phoebe Waller-Bridge) ผู้เป็นลูกสาวของอดีตเพื่อนร่วมงานอย่าง Basil Shaw (Toby Jones) ในการออกตามหากงล้อแห่งโชคชะตา ที่ว่ากันว่ามีพลังในการย้อนเวลา เพื่อไม่ให้โบราณวัตถุดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของ Jürgen Voller (Mads Mikkelsen) อดีตนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพนาซีที่เคยมีความแค้นกับ Indiana Jones ในอดีต

 

Antikythera Mechanism

ภาพ: Wikipedia

 

สำหรับกงล้อแห่งโชคชะตาที่ Indiana Jones ต้องออกตามหา ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับกลไก Antikythera สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกค้นพบในช่วงปี 1901 ณ ซากเรืออับปางของชาวกรีกโบราณในบริเวณนอกเกาะ Antikythera โดยสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ประกอบขึ้นโดยกลไกอันซับซ้อนหลายชิ้น และมีหน้าที่เพื่อใช้ในการคำนวณการเคลื่อนที่ของดวงดาว และทำนายการเกิดจันทรุปราคาและสุริยุปราคา จนได้รับการขนานนามว่าเป็นคอมพิวเตอร์อนาล็อกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยปัจจุบันกลไก Antikythera ถูกเก็บรักษาไว้ที่ National Archaeological Museum ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ 

 

Indiana Jones and the Dial of Destiny เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่

 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising