×

หลงมนต์นครสีชมพู และแผ่นจาปาตี ที่ ชัยปุระ ประเทศอินเดีย

20.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • เดอะ ซิตี้ พาเลซ (The City Palace) พระราชวังหลวง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองชัยปุระ แลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาเป็นอันดับแรก สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ราชปุต ผสมผสานกับโมกุล มีชื่อเสียงมากในเรื่องจิตรกรรมฝาผนัง งานแกะสลักและงานตกแต่งแก้วสีอันวิจิตร
  • แอมเบอร์ ฟอร์ต (Amber Fort) เป็นป้อมปราการดั้งเดิม เคยเป็นศูนย์กลางการทหารและการปกครองของมหาราชาหลายยุคหลายสมัย ตั้งตระหง่านเป็นด่านปกป้องชาวเมืองมามากกว่า 1,000 ปี การเยี่ยมชมต้องนั่งช้างขึ้นไปบนยอดเนินเท่านั้น ไม่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้

“ชัยปุระ อยู่ส่วนไหนของอินเดียอะ?”

 

หูอื้อมาก พอเมืองตื่นทุกอย่างดัง โหวกเหวก โวยวายแม้กระทั่งร้านอาหารระดับ 5 ดาว

 

เอาจริงคนอินเดียไม่ได้แย่นะ คนน่ารักก็มี คนจะหลอกก็มี แต่เมื่อกี้เพิ่งโดนหลอกทิปไปคนละ 20 รูปี จ่ายไปทำไม”

 

“ของชำร่วยจากวัดฮินดู นมัสการพระพิฆเนศเป็นขนมให้กินเพื่อความเป็นสิริมงคล เปลี่ยนระดับชนิดตามปัจจัย ทำบุญไป 100 รูปี ได้ขนมแพงสุด สวยเลย”

 

“ก็รู้นะว่าคนอินเดียชอบเต้น แต่นี่ในวัดไหม เดินเท้าเข้าวัดฮินดู ไปดูเจ้าลักธิเทศน์ โอ้ บร๊ะ ไปทันครึ่งชั่วโมงก็เปิดเพลงแดนซ์กันทั้งฮอลล์ เดี๋ยว!”

 

“หวังว่าคืนนี้จะนอนหลับสบาย ขนาดเมื่อคืนเหนื่อยแทบตาย โรงแรม 5 ดาวยังผ้าห่มเหม็น จะบ้า!”

 

ชัยปุระเป็นเมืองแรกของการเปิดซิงอินเดียของผู้เขียน ก่อนมาจำได้ว่ามีความอิดออดแบ่งรับแบ่งสู้ว่าจะไปดีไม่ไปดี ใจหนึ่งก็กลัวเรื่องอาหารและห้องน้ำ ใจหนึ่งก็อยากไปเจอบรรยากาศแดนภารตะ และตึกรามบ้านช่องสีชมพู สุดท้ายทนความอยากรู้ไม่ไหว ก็เลยกลายเป็นทริปปัจจุบันทันด่วนแบบ 4 วัน 2 คืน มาเร็วกลับเร็ว

 

เที่ยวบินของสายการบินไทยสมายล์พาเรามาถึงชัยปุระในช่วงมืดของวัน สีสันและความหลากหลายของอินเดียถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด กักเก็บความเป็นอินเดี๊ย…อินเดียไว้มิดชนิดที่เราแทบไม่เชื่อสายตา กลางคืนเงียบสงบ ทว่าพอพระอาทิตย์เริ่มทอแสง ภาพเมืองชัยปุระที่เราเห็นช่างแตกต่าง รถราวิ่งขวักไขว่ ผู้คนพลุกพล่าน เสียงแตรดังสนั่นประสานเสียงโหวกเหวกโวยวายตามฉบับอินตะระเดีย

 

บางส่วนของเดอะ ซิตี้ พาเลซ

 

ชัยปุระ หรือ จัยปูร์ (Jaipur) เป็นเมืองหลวงของรัฐราชสถาน อยู่ทางตะวันตกของอินเดีย ได้รับการสถาปนาเป็นราชธานีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1728 ในสมัยของมหาราชาไสวชัยสิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II) โดยโปรดให้ย้ายจากราชธานีเดิมที่แอมเบอร์ ฟอร์ต (Amber Fort) ซึ่งอยู่บนเนินเขาสูง ลงมายังบริเวณพื้นราบ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ เดอะ ซิตี้ พาเลซ (The City Palace) พระราชวังหลวง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองชัยปุระ แลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาเป็นอันดับแรก

 

ประตูทางเข้าเขตพระราชฐานที่มีเชื้อพระวงศ์อาศัยอยู่

 

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1729 โดยคำสั่งของมหาราชาไสวชัยสิงห์ที่ 2 มหาราชาองค์สุดท้ายและองค์เดียวที่ประทับอยู่พระราชวังนี้ ตัวพระราชวังสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ราชปุต (Rajput) ผสมผสานกับโมกุล (Mughul) มีชื่อเสียงมากในเรื่องจิตรกรรมฝาผนัง งานแกะสลักและงานตกแต่งแก้วสีอันวิจิตร ปัจจุบันยังคงเป็นที่อยู่ของเชื้อพระวงศ์บางท่าน และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าชมเป็นบางส่วนโดยมีค่าเสียหายอยู่ที่ 180 รูปี

 

นาฬิกาคำนวณเดือน

 

เดินชมจนพอใจก็มุ่งหน้าสู่ จันทาร์ มันทาร์ (Jantar Mantar) หอดูดาวฝั่งตรงข้ามวังหลวง สถานที่ซึ่งมหาราชาไสวชัยสิงห์ที่ 2 และโหรหลวงใช้เป็นเครื่องมือทำนายทายทัก ดูวันและเวลา โดยคำนวณพระจันทร์ ดวงดาว และพระอาทิตย์ ผ่านสถาปัตยกรรมโบราณรูปทรงเรขาคณิตที่ตั้งอยู่เต็มบริเวณ ใครที่หาสถานที่ถ่ายรูปสวย เท่ๆ ชนิดโว้ก (Vogue) ยังอายให้มุ่งมาปักหลักที่นี่ มุมไหนก็สวยไปหมด

 

นาฬิกานักษัตรในหอจันทาร์ มันทาร์

 

ความเจ๋งของจันทาร์ มันทาร์ อีกอย่าง คือสิ่งก่อสร้างทุกอย่างที่เราเห็นล้วนสร้างขึ้นตามหลักทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ตั้งแต่ช่วงก่อนศตวรรษที่ 18 เสียด้วยซ้ำ และยังคงอ้างอิงและใช้ได้จริงจนถึงปัจจุบัน น่าเหลือเชื่อมากที่มนุษย์เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ ควรค่าแก่การเก็บรักษาจนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2010

 

 

เดินฝ่าฝุ่นควันจนงงงวย มีหรือจะสู้ลองนั่งรถตุ๊กๆ ท้องถิ่น ฝ่าฟันรถติด ลมร้อน ให้เข้าถึงบรรยากาศพื้นที่มากที่สุด การเดินทางไปพระราชวังสายลมครั้งนี้ ขอบอกว่าประทับใจมาก เป็นการเดินทางที่ถ่ายรูปสนุกที่สุด นั่งไปถ่ายรูปไป อากาศเต็มไปด้วยฝุ่นละลอง เขม่าควันรถ และเสียงแตรกึกก้องไปทั่ว สักพักเดี๋ยวก็มีวัวมีแพะวิ่งผ่าน ตลกดี

 

ฮาวา มาฮาล มองจากด้านล่างในระยะประชิด

 

พระราชวังสายลม หรือ ฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal) พระราชวังริมถนนใหญ่ไกลจากพระราชวังหลวงเพียง 10 นาทีเศษ เปรียบได้ดังสัญลักษณ์ของเมืองจัยปูร์ มีลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น สร้างขึ้นในปี 1799 หินทรายสีชมพูหน้าตาละม้ายคล้ายรวงผึ้ง ตามฉบับสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียผสมโมกุล ประตูหน้าต่างที่เราเห็นนั้นเป็นช่องระบายอากาศ มีไว้ให้บรรดานางสนมในวังแอบดูวิถีชีวิตชาวบ้านนอกขอบรั้ว คนด้านนอกไม่สามารถมองเห็นด้านในได้

 

 

การชมพระราชวังสายลม หากไม่อยากเดินชมด้านในแนะนำให้เดินขึ้นไปยังตึกตรงข้าม ด้านบนมีคาเฟ่ทำเลดีอยู่ 1 ร้าน เปิดขายน้ำดื่ม ชา กาแฟทั่วไป แต่วิวที่ได้นั้นเลอค่ามาก สีท้องฟ้าชมพูอมส้มยามเย็น ขับพระราชวังให้ดูงดงามยิ่ง ยิ่งช่วงที่เราไป มีสายลมเย็นอ่อนๆ แถมยังอยู่ในช่วงเทศกาลเล่นว่าว ชาวบ้านมักนำว่าวขึ้นมาชักสู้กันบนดาดฟ้า ได้บรรยากาศสนุกๆ ไปอีกแบบ

 

ทางเข้าเป็นบันไดเล็กๆ ต้องมองดีๆ

ด้านบนมีคนเล่นว่าว ชิลล์มาก

 

เช้าวันถัดมาจุดหมายเราอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าไปประมาณ 11 กิโลเมตร แอมเบอร์ ฟอร์ต เป็นป้อมปราการดั้งเดิม เคยเป็นศูนย์กลางการทหารและการปกครองของมหาราชาหลายยุคหลายสมัย ตั้งตระหง่านเป็นด่านปกป้องชาวเมืองมามากกว่า 1,000 ปี การเยี่ยมชมต้องนั่งช้างขึ้นไปบนยอดเนินเท่านั้น ไม่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ ควาญช้างแต่คนละแต่งองค์เต็มยศพร้อมช้างเชือกโตที่วาดลวดลายสวยงาม ระหว่างทางก็ชมวิวไปด้วย ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงที่หมาย สวยงามและได้อารมณ์ประหนึ่งตนเองเป็นมหารานี

 

ช้างที่แอมเบอร์ ฟอร์ต

ขี่ขึ้นไปเหมือนมหารานี

 

ป้อมปราการแอมเบอร์ ฟอร์ต แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ซึ่งแต่ส่วนจะมีลานกว้างเป็นของตัวเอง ควาญช้างจะมาส่งบริเวณลานด้านนอก แล้วเราต้องเดินเท้าขึ้นบันไดไปสู่เขตพระราชฐาน ซึ่งแต่ส่วนก็มีจุดเด่นและลวดลายต่างๆ กันไป มีทั้งตำหนักที่ใช้ว่าราชการ พระตำหนักที่ประตูทำด้วยงาช้าง และตำหนักส่วนพระองค์ของมหาราชาและมหารานีที่ตกแต่งงดงามด้วยเศษกระจกและกระเบื้อง ยามจุดเทียนหรือมีแสงตะวันสีทองสาดส่อง ระยิบระยับจับตา เดินเข้าตามตรอกออกตามซอยไปยังส่วนต่างๆ ของวัง นอกจากความสวยงามสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ ในตัวพระตำหนักอากาศเย็นสบาย ไม่จำเป็นต้องมีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศช่วยแม้แต่น้อย ถ่ายรูปสวยๆ เก็บความประทับใจกันเต็มอิ่ม

 

บริเวณป้อมปราการ ด้านนอกเขตพระราชฐาน

สวนสวยในพระราชวังชั้นใน

ห้องหับต่างๆ ทำจากหินอ่อน เศษกระจกและกระเบื้อง

ขาลงนั่งรถจี๊ปซึ่งมีให้บริการมากมาย ขามารู้สึกเหมือนมหารานี

ส่วนขาลงให้ความรู้สึกราวกับผจญภัยในหนังฮอลลีวูดสักเรื่อง

 

ขากลับแถวลานกว้างริมทะเลสาบมาน สาการ์ (Man Sakar) มีเทศกาลประจำถิ่นน่าตื่นตามาก จำได้ไหมว่าตอนต้นเราบอกไว้ว่า เรามาเยือนในช่วงเทศกาลเล่นว่าวของชาวเมืองชัยปุระพอดิบพอดี คนเมืองนี้เขาจริงจังมากถึงขนาดจัดงานแข่งกันทั่วเมือง ยิ่งวันที่เราไปเป็นวันแข่งจริง ชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันตามจุดต่างๆ ใครอยากแข่งก็แข่งไป ใครไม่แข่งก็นั่งชม ดูสินค้าไปด้วย บรรยากาศครึกครื้นเหมือนงานวัด ยิ่งบริเวณที่ลงจอดอยู่ติดกับทะสาบมาน สาการ์ จากฝั่งก็มองเห็นพระตำหนักฤดูร้อนจัล มาฮาร์ (Jal Mahal) อยู่กลางน้ำ สวยงามมาก พระราชวังนี้อดีตมหาราชานิยมมาประทับในช่วงฤดูร้อน ไกด์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่าด้านในสวยงามประณีตสุดๆ เสียดายที่ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารหรูไปแล้ว แน่นอนว่าราคาไม่ใช่เบาๆ และกว่าจะกินต้องจองจึงจะสามารถเข้าไปได้

 

บรรยากาศงานเทศกาลริมทะเลสาบมาน สาการ์

ของขายมีให้เลือกกินเยอะแยะไปหมด

พระตำหนักฤดูร้อนจัล มาฮาร์ (Jal Mahal)

ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นร้านอาหารหรู

 

ตลอดเวลา 4 วัน 2 คืน ที่เดินเล่นอยู่ในชัยปุระ สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและองค์ความรู้มหาศาล อินเดียเป็นชาติที่สนุก หลากหลายและรื่นเริง ถึงจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็เป็นมิตร เต็มไปด้วยน้ำใจ ศรัทธาในสิ่งที่ตนเชื่อ ความไม่แน่นอนของประเทศนี้ ทำให้ทุกอย่างดูอิสระเสรีเหมือนไร้กฎเกณฑ์แต่ก็แอบมีกรอบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ และยากจะคาดเดา แต่ความหรรษานี่แหละที่ทำให้เหล่านักเดินทางค่อนโลกหลงรักในอินเดีย

 

Photo: พลอยจันทร์ สุขคง

FYI

Getting There

สายการบินไทยสมายล์ มีบินตรงกรุงเทพฯ-ชัยปุระ-กรุงเทพฯ ทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน

Where to Stay

Radisson Blu Jaipur ห้องใหญ่ สะอาด สะดวกสบาย และอาหารอร่อย อยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าเพียง 10 นาที

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X