จากรายงานของธนาคารแห่งชาติอินเดียเผยว่า ได้ผ่านระยะการเสนอระบบสำหรับการทดลองสกุลเงินดิจิทัล ‘e-rupee’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังได้เคยประกาศว่าจะเปิดตัว CBDC มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
โดยใน ‘คอนเซปต์โน้ต’ นอกเหนือจากการวางกรอบสำหรับสกุลเงินดิจิทัล ‘e-rupee’ เนื้อหาดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงคำอธิบายความเหมาะสมว่าทำไมจึงควรนำ ‘CBDC’ (Central Bank Digital Currency) มาใช้ และคำอธิบายเกี่ยวกับระยะการนำสกุลเงินดังกล่าวมาทดลองใช้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โกตัม อดานี ชาวอินเดีย ขึ้นสู่มหาเศรษฐีเบอร์ 3 ของโลกด้วยธุรกิจพลังงานที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนมี P/E กว่า 700 เท่า
- จับตา! หุ้น MAKRO จะวิ่งต่อหรือไม่? หลังมีข่าวลือ ‘กลุ่มซีพี’ ยกเลิกดีลซื้อห้าง Metro ที่อินเดีย
- จริงหรือที่ ‘อินเดีย’ กำลังจะเป็นโรงงานของโลกแห่งใหม่ต่อจากจีน? ถึงขั้นที่การผลิต 1 ใน 4 ของ ‘iPhone’ จะย้ายมาที่นี่ภายในปี 2025
นอกจากประเทศอินเดียแล้ว หลายประเทศทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับ ‘CBDC’ กันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ออสเตรเลียไปจนถึงสหรัฐฯ ในรายงานยังเผยว่าประเทศจีนและอีกกว่า 16 ประเทศต่างกำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบของตนเอง
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศอินเดียมั่นใจว่า ในตอนนี้อินเดียถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศแถวหน้าสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเงินในยุคนี้ และการรับ CBDC มาใช้จะมีผลต่อการใช้งาน ‘เงิน’ ในอนาคตอย่างแน่นอน
ทางธนาคารแห่งประเทศอินเดียวางแผนที่จะปล่อย ‘e-rupee’ ในขอบเขตจำกัด โดยหวังให้มีการทำงานควบคู่ไปกับเงินกระดาษไปก่อน ซึ่งจะปล่อยออกมา 2 เวอร์ชัน ได้แก่ รูปแบบสำหรับรายย่อย (Retail) และรูปแบบสำหรับรายใหญ่ (Wholesale)
โดยอินเดียก็มองว่าคริปโตเคอร์เรนซีนั้นสร้างความเสี่ยงและความไม่มั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ แต่ CBDC จะเข้ามาช่วยทำให้ระบบการเงินมั่นคงขึ้น จากการเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นมาโดยภาคเอกชนเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่หากสกุลเงินดิจิทัลถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ย่อมอาจนำมาสู่การสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาและผิดกฎหมายได้ ทางธนาคารแห่งชาติอินเดียจึงมองว่า CBDC อาจไม่สามารถทำให้มีความเป็นส่วนตัวเท่ากับที่เป็นอยู่ในเงินสดแบบกายภาพ
อ้างอิง: