ภาพลักษณ์ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ คือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การออกแบบและการใช้งานในราคาที่ทำให้การตกแต่งบ้านเป็นเรื่องง่าย และเป็นแบรนด์คนไทยที่อยู่เคียงข้างคนไทยมากกว่า 40 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘เป็นที่หนึ่งในใจเรื่องธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย’
จากความสำเร็จตลอด 40 ปีที่ผ่านมา อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวน คู่แข่งรายเล็กรายใหญ่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปมากน้อยขนาดไหน เรายังเห็นอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์วิ่งนำหน้าเสมอ ทั้งการเป็นผู้นำแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ประกาศตัวเป็น One Stop Service เจ้าแรกในไทย การปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ของคอมมูนิตี้มอลล์ The Walk หรือแม้แต่หมากตัวสำคัญที่เปลี่ยนเกมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ขจัดทุก Pain Point กับธุรกิจน้องใหม่ภายใต้ชื่อ ‘ยูนีค (Younique)’
และปีนี้ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์พร้อมสำหรับก้าวใหม่ที่ใหญ่ขึ้น เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) หลังได้รับการอนุมัติจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อย
THE STANDARD พูดคุยกับ คุณกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) และ คุณเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ในรายการ THE STANDARD BizKlass ถึงการเติบโตในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรของประเทศไทย สู่เป้าหมายใหญ่กับการพาแบรนด์ไทยไปปักธงในตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย อะไรคือแนวคิดของผู้นำ และทำไมอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์จึงเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านได้อย่างทุกวันนี้
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ไม่เคยหยุดพัฒนา จึงยืนแถวหน้าในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านมาอย่างยาวนาน
ปี 2562 อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์มีสาขาทั้งหมด 36 สาขาทั่วประเทศไทย และอีก 7 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ของแบรนด์น้องใหม่ ‘ยูนีค (Younique)’ ในขณะที่ตลาดต่างประเทศมีตัวแทนอยู่ 7 ประเทศ 17 ร้านค้า การนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ คุณกฤษชนกบอกว่า เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
“เป้าหมายใหญ่ของเราก็คือ การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตระดับประเทศ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาดโลก หลังจากนี้เราวางแผนขยายธุรกิจปีละ 1-2 สาขา รวมไปถึงการขยายธุรกิจยูนีค ซึ่งเป็นหัวหอกที่เราจะใช้บุกตลาด โดยเงินลงทุนอีกส่วนจะนำไปขยายกำลังการผลิต ซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เรามองไปถึงการลงทุนทำโซลาร์รูปท็อป เพื่อลดค่าไฟของสาขา นอกจากนั้นก็ไปคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน”
การเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะอยู่ในธุรกิจนาน แต่เพราะ ‘อยู่เป็น’ โดยการมองเกมขาดและพร้อมรับมือกับความท้าทายของการแข่งขันอยู่เสมอ
“จริงๆ การทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านไม่ง่าย มีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะรีเทลเป็นเรื่องของดีเทล การพัฒนาสินค้าก็ยาก โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ แต่มองอีกมุมมันก็เป็นธุรกิจที่ดี เพราะใช่ว่าใครจะเข้ามาเล่นในธุรกิจนี้ได้”
แต่ถึงจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ รายใหญ่ หรือรายเล็ก แต่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ก็มักจะทิ้งห่างคู่แข่งเหล่านั้นเสมอ คุณกฤษชนกเล่าว่า อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่เปิด One Stop Shopping ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์
“เฟอร์นิเจอร์ใช้กันเป็น 10 ปีถึงจะเปลี่ยนที แต่ของใช้คุณซื้อได้ตลอด พอเห็นโอกาสเราก็ทำ หรืออย่าง The Walk คอมมูนิตี้มอลล์มันส่งเสริมกับธุรกิจหลัก ช่วยดึงให้คนมาเดิน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์มากขึ้น จากนั้นเราก็เปิด Power One ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น เพราะลูกค้ามาซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ คุณก็ต้องซื้อตู้เย็น ซื้อทีวี ดังนั้น คุณมาที่นี่ที่เดียวครบวงจรเลย จะเห็นว่าเราต่อยอดธุรกิจไปเรื่อยๆ แต่เราไม่แตกแถว อะไรก็ตามที่เราทำต้องเกื้อหนุนกับธุรกิจหลักคือ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์”
ตลาดเปลี่ยนไป อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ก็พร้อมเปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้ความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกเหมือนกัน เพราะว่าเทรนด์มันเป็นการซื้อของทางออนไลน์มากกว่า คนเข้าร้านลดลง โดยเฉพาะยุโรปกับอเมริกา เราถามลูกค้าเรา พาร์ตเนอร์เรา มีมากกว่า 50% แล้วที่ซื้อของผ่านออนไลน์ น่าสนใจมากนะ เมืองไทยยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่คิดว่าช้าหรือเร็วมันต้องมาถึง เพราะว่าโลกมันก็เปลี่ยนไปอย่างนั้นจริงๆ มันสะดวก ไม่ต้องเดินทางรถติด คนก็ซื้อออนไลน์ ซึ่งอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ทำออนไลน์มานานแล้ว จะบอกว่าเราทำเป็นเจ้าแรกก็ได้ เราพร้อมรับมือกับยุค Digital Disruption”
‘ยูนีค’ เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตามขนาดและฟังก์ชัน สะท้อนตัวตนที่ไม่เหมือนใครในงบที่คุมได้
การเกิดขึ้นของ ‘ยูนีค (Younique)’ ภายใต้การนำของ คุณเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) อธิบายถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจในยุค Digital Disruption ได้ชัดเจนที่สุด โดยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ 4.0 มารองรับตลาดบิวต์อินรูปแบบใหม่ ทั้งการเปลี่ยนไปของขนาดที่อยู่อาศัยและการอยู่ในยุคที่อะไรต้องง่ายและไวภายในไม่กี่วินาที
คุณเอกลักษณ์เล่าว่า ยูนีคเข้ามาเพื่อปิด Pain Point ของลูกค้า ตั้งแต่เรื่องของขนาดที่อยู่อาศัยที่เล็กลง พื้นที่ของที่อยู่อาศัยหลากหลายขึ้น ความท้าทายคือ จะออกแบบเฟอร์นิเจอร์อย่างไรให้เหมาะสมกับพื้นที่ และต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ไอเดียส่วนหนึ่งมาจากลูกค้า เราเอาความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และอะไรคือ Pain Point สิ่งหนึ่งที่เขาอยากได้คือ เฟอร์นิเจอร์สั่งตัด เพราะปัจจุบันคอนโดขนาดเล็กมาก พื้นที่ก็ออกแบบหลากหลาย เฟอร์นิเจอร์ธรรมดาเริ่มไม่ตอบโจทย์ ยูนีคเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ สามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตามใจ ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันตามการใช้งานจริงของลูกค้าแต่ละคน
“ตอนแรกคิดว่าคอนโดมิเนียมคือตลาดใหญ่ แต่ปรากฏว่า บ้านเป็นตลาดใหญ่กว่า เนื่องจากนวัตกรรมของยูนีคปิด Pain Point ได้เยอะมาก ส่วนใหญ่คนกังวลเรื่องผู้รับเหมาทิ้งงาน ทำบ้านพัง เราเป็นบริษัทใหญ่ ดังนั้น เรื่องนี้หมดกังวลได้เลย หรือถ้าลูกค้าจะตกแต่งบ้าน กว่าผู้รับเหมาจะประเมินราคาใช้เวลานาน แต่ยูนีคใช้เวลาแค่ 1 วินาที ประเมินราคาได้ทันที สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามงบประมาณ เลือกวัสดุทุกอย่างได้เอง เรายังมีดีไซเนอร์ให้บริการฟรี ถ้าตกลงแบบ ตกลงราคาเรียบร้อย หลังชำระเงินไม่เกิน 30 วัน คุณเข้าอยู่ได้เลย”
ปัจจุบันยูนีคแบบ Full Concept มีอยู่ 7 สาขาทั่วกรุงเทพฯ คุณเอกลักษณ์มีแผนขยายร้านยูนีคให้ครบทุกสาขาของร้านอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ตามแบบฉบับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์
กลยุทธ์ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์นำมาใช้รับมือกับยุค Digital Disruption ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ตลาด มีการทำ Demand Forecast และ Supply Forecast ทำให้เกิดการสต๊อกสินค้าที่มีความแม่นยำยิ่งขึ้น และยังเห็นไปถึงกลุ่มลูกค้าที่จะกลายเป็นลูกค้าที่ยั่งยืนในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน
คุณกฤษชนกอธิบายว่า ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ลูกค้าของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ครึ่งหนึ่งคือบ้านเก่า ครึ่งหนึ่งคือบ้านใหม่ ต่อให้ตลาดอสังหาฯ จะนิ่ง แต่บ้านเก่ายังต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ทดแทน
“คุณมีลูกก็ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ลูก ตู้เสื้อผ้าไม่พอก็ต้องซื้อเพิ่ม สิ่งที่เรามองคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเก่ามาซื้อเราอยู่เรื่อยๆ ลองคิดดูว่า ตลาดบ้านเก่าใหญ่กว่าตลาดบ้านใหม่ขนาดไหน และเรายังขายของตกแต่งบ้านตั้งเยอะแยะ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านใหม่ เพราะของตกแต่งบ้านมาซื้อได้ทุกอาทิตย์”
สำหรับคุณกฤษชนก วันนี้การนำพาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์สู่ความเป็นผู้นำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจร ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพราะตลอด 10 ปีที่รับไม้ต่อจากรุ่นบุกเบิก ก็เรียนรู้การทำงานที่ต้องพร้อมปรับตัว คิด พัฒนา และต่อยอดอยู่เสมอ แต่ความท้าทายคงจะเป็นการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการนำทัพของนักบริหารหญิงคนนี้
“แต่ไม่ว่าอย่างไร อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์มีเป้าหมายเดียวกันคือ อยากให้แบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืน มั่นคง ไม่ต้องหวือหวาก็ได้ ตอนนี้สาขาเราค่อนข้างครอบคลุมแล้ว วันนี้เราต้องการให้อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เป็น Top of Mind อีกแบรนด์หนึ่งในเซาท์อีสต์เอเชีย
“เราไม่ได้คาดหวังแค่ในประเทศไทยอีกต่อไป แต่มุ่งหวังจะให้แบรนด์ของคนไทยออกไปสู่ต่างประเทศ วันนี้เราก็พาแบรนด์คนไทยไป 7 ประเทศแล้ว ในอนาคตเราจะขยายได้มากกว่านี้”