รัฐบาลจีนประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการส่งออก ‘แร่เงิน’ (Silver) ครั้งใหญ่ โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026 มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องทรัพยากรยุทธศาสตร์และเพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดทั่วโลก
มาตรการ ‘คัดกรอง’ ที่เข้มข้นขึ้น ใครบ้างที่มีสิทธิส่งออก?
ตามรายงานจากกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM) กฎระเบียบใหม่นี้ไม่ได้เป็นการแบนการส่งออกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการสร้างระบบ ‘ใบอนุญาต’ (Export Licensing) ที่มีเงื่อนไขสูงมาก เพื่อคัดกรองให้เหลือเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ที่มีความมั่นคง เช่น
- กำลังการผลิต: บริษัทต้องมีกำลังการผลิตแร่เงินไม่ต่ำกว่า 80 ตันต่อปี
- สถานะทางการเงิน: ต้องมีวงเงินสินเชื่อ (Credit Lines) จากสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1 พันล้านบาท)
- ประวัติความเชี่ยวชาญ: เน้นบริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานและมีมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมตามที่รัฐกำหนด
นักวิเคราะห์ประเมินว่า มาตรการนี้จะทำให้ซัพพลายเออร์รายกลางและรายย่อยหลายร้อยรายต้องหลุดออกจากตลาดการส่งออก ซึ่งจะส่งผลให้จีนสามารถควบคุม ‘ทิศทางและปริมาณ’ ของแร่เงินที่ไหลออกสู่ตลาดโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จ
‘เงิน’ คือกระดูกสันหลังของเทคโนโลยีอนาคต
ความสำคัญของแร่เงินในปัจจุบันก้าวข้ามการเป็นเพียงเครื่องประดับไปไกล เนื่องจากเป็นโลหะที่มีค่าการนำไฟฟ้า (Electrical Conductivity) สูงที่สุด เช่น
- อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์: เป็นผู้บริโภคแร่เงินรายใหญ่ที่สุด โดยใช้ในกระบวนการผลิตแผง PV เพื่อนำไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
- ยานยนต์ไฟฟ้า (EV): รถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคันใช้แร่เงินมากกว่ารถยนต์สันดาปเกือบเท่าตัว สำหรับระบบควบคุมอัจฉริยะและแบตเตอรี่
- โครงสร้างพื้นฐาน AI: ใช้ในชิปประมวลผลขั้นสูงและเซิร์ฟเวอร์ใน Data Centers

ปฏิกิริยาจาก Elon Musk และตลาดโลก
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านแพลตฟอร์ม X โดยระบุสั้นๆ ว่า ‘นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี’ สะท้อนถึงความกังวลของภาคอุตสาหกรรมต่อต้นทุนการผลิตที่จะพุ่งสูงขึ้น
ปัจจุบันจีนเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งการถลุงและแปรรูปแร่เงิน (Refining Capacity) ของโลกมากกว่า 70% การขยับตัวครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็น ‘Silver Weapon’ ต่อเนื่องจากการควบคุมแร่แกลเลียม (Gallium) และเจอร์เมเนียม (Germanium) ที่เคยประกาศไปก่อนหน้า
การประกาศมาตรการล่วงหน้า 1 ปี (ประกาศปลายปี 2024/ต้นปี 2025 เพื่อใช้ปี 2026) คือการส่งสัญญาณเตือนให้โลกตะวันตกเตรียมตัวรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจเป็นการบีบให้บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติพิจารณาเข้ามาตั้งฐานการผลิตภายในประเทศจีนมากขึ้นเพื่อแลกกับการเข้าถึงวัตถุดิบ
ในเชิงการลงทุน นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันเริ่มขยับคาดการณ์ราคาสปอตของแร่เงิน (XAG) โดยมองว่าราคาอาจพุ่งทะยานไปสู่ระดับ 65-74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในปี 2026 หากจีนเริ่มใช้มาตรการนี้อย่างตึงเครียด
ภาพ: Jonathan Raa/NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง:


