×

ศาลสั่งจำคุกอดีตนักฟุตบอลไทยลีกกับพวก 15 ราย ล้มบอลล็อกผลการแข่งขันไทยลีก 2017 คนละ 1-5 ปี โดยไม่รอลงอาญา

18.03.2021
  • LOADING...
จำคุกอดีตนักฟุตบอลไทยลีก

วันนี้ (18 มีนาคม) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษา คดีประวัติศาสตร์ล้มบอลไทยลีก ฤดูกาล 2017 หมายเลขดำ อ.2131/2561 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง​ ประกอบด้วย​

 

  • ธีรจิตร หรือ เก๋ สิทธิศุข จำเลยที่ 1
  • เชิดศักดิ์ หรือจ่อย บุญชู อายุ 48 ปี ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 2
  • ภาคภูมิ หรือแบงค์ พันธ์นิกุล อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3
  • มานิตย์ หรือเศรษฐปสิทธิ์ หรือป้อม โกมลวัฒนะ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 4
  • วัลลภ สมาน อายุ 48 ปี จำเลยที่ 5
  • กิตติภูมิ หรือเด่น ปาภูงา อายุ 34 ปี อดีตนักฟุตบอล จำเลยที่ 6
  • ภุมรินทร์ คำรื่น อายุ 31 ปี ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2017 จำเลยที่ 7
  • วีระ เกิดพุดซา อายุ 36 ปี ผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี จำเลยที่ 8
  • จ.อ. เสกสันต์ หรือเสก ชาวทองหลาง อายุ 37 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 9
  • จ.ท. สุทธิพงษ์ เหลาพร อายุ 31 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 10
  • จ.ท. สุวิทยา นำสินหลาก อายุ 29 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 11
  • ณรงค์ วงษ์ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้รักษาประตูราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 12
  • ส.อ. ธีรชัย งามเจริญ อายุ 38 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 13
  • ทศพร เขม็งกิจ อายุ 35 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 14
  • เอกพันธ์ จันดากรณ์ อายุ 35 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 15

 

รวม 15 คน​ ในความผิดฐานร่วมกันให้ หรือขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทำการล้มกีฬา, ร่วมกันให้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, เป็นผู้ตัดสินเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, ร่วมกัน และเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อให้กระทำการล้มกีฬา, ร่วมกันลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 20 กันยายน 2560, วันที่ 21-26 กรกฎาคม 2560, วันที่ 10 กันยายน 2560, วันที่ 11-23 กันยายน 2560 ธีรจิตร หรือ เก๋ สิทธิศุข ผู้ช่วยผู้ตัดสิน จำเลยที่ 1 ร่วมกับกลุ่มนายทุน จำเลยที่ 2-6 ที่ให้หรือรับว่าจะให้เงินกับกลุ่มนักกีฬา จำเลยที่ 8-15 ซึ่งเป็นนักเตะทีมศรีสะเกษ เอฟซี และทีมราชนาวี เพื่อจูงใจให้ทำการล้มฟุตบอล รายการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก (T1) ที่ใช้ชื่อรายการว่า โตโยต้า ไทยลีก ด้วยการแกล้งแพ้ เป็นเงินครั้งละ 300,000-800,000 บาท

 

และร่วมกันให้เงินครั้งละ 100,000 บาท กับภุมรินทร์ คำรื่น ผู้ตัดสินฟีฟา 2017 จำเลยที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินกีฬา เพื่อจูงใจให้ทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาแข่งขัน เพื่อให้ผลการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเป็นไปตามที่จำเลยกลุ่มนายทุน และจำเลยที่ 1 ซึ่งกลุ่มของจำเลยที่ 1-6 ก็เป็นผู้เล่นพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลไทยรายใหญ่ด้วย ที่เป็นการเล่นพนันผ่านทางเว็บไซต์

 

เหตุเกิดที่ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู, ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี, ตำบลสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา, ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1, 2, 5, 7-15 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนจำเลยที่ 3-4, 6 ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาร่วมกันลักลอบพนันทายผลฟุตบอลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ โดยจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกันคนละ 100,000-200,000 บาท

 

โดยในวันนี้จำเลยที่ 1-15 พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่มีญาติและบุคคลใกล้ชิดเดินทางมาให้กำลังใจ

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าโจทก์มีพยานหลักฐานแน่นหนา ทั้งพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลักฐานการใช้ติดต่อโทรศัพท์ และข้อความการสนทนาทางแอปพลิเคชัน WeChat จึงพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิด​ ดังนี้

 

  • จำคุก ธีรจิตร อดีตผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือไลน์แมน จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี และปรับ 2,000 บาท
  • จำคุก เชิดศักดิ์ อดีตผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี และปรับ 2,500 บาท
  • จำคุก ภาคภูมิ (นายทุน) จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 ปี และปรับ 2,000 บาท
  • จำคุก มานิตย์ (นายทุน) จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 4 ปี และปรับ 2,000 บาท
  • จำคุก วัลลภ (นายทุน) จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี และปรับ 2,500 บาท
  • จำคุก กิตติภูมิหรือเด่น (นายทุน) และอดีตนักฟุตบอลสโมสรชื่อดัง จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 2 ปี และปรับ 1,500 บาท
  • จำคุก ภุมรินทร์ อดีตผู้ตัดสินฟีฟ่า จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 2 ปี
  • จำคุก วีระ อดีตผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมา จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 1 ปี 
  • จ.อ. เสกสันต์ อดีตนักเตะราชนาวี จำเลยที่ 9, จ.ท. สุทธิพงษ์ อดีตนักเตะราชนาวี จำเลยที่ 10, จ.ท. สุวิทยา อดีตนักเตะราชนาวี จำเลยที่ 11, ณรงค์ อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 12 จำคุกคนละ 2 ปี
  • ส.อ. ธีรชัย อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 13, ทศพร อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 14, เอกพันธ์ อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 15 จำคุกคนละ 1 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ ญาติและทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว เพื่อสู้คดีระหว่างอุทธรณ์ต่อไป

 

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากตำรวจกองปราบปรามได้มองว่ามีการล้มบอล จึงมีการสืบข้อเท็จจริง จนสุดท้ายได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมูลเหตุจูงใจในการกระทำผิดนั้นเกิดจากสินพนันที่จะเอาไปพนัน สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีกลุ่มทุนพนันที่ลงขันเพื่อจะไปจ้างนักกีฬาอาชีพล้มบอลและผู้ตัดสิน ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 โดยกลุ่มนายทุน ผู้จ้างกระทำผิดก็เข้าข่าย มาตรา 64 คือ ผู้ให้หรือรับว่าจัดให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพล้มบอล

 

นอกจากนี้ นายทุนยังได้จ้างกรรมการให้ตัดสินไม่เป็นไปตามกติกาหรือเที่ยงธรรม ตามมาตรา 66 ซึ่งโทษที่จะได้รับในข้อหาดังกล่าวคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 และฉบับที่ 4 พ.ศ. 2547 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12 โดยส่วนของนายทุนนี้อัยการยื่นฟ้องในเหตุการณ์แข่งขันรวม 5 แมตช์ ซึ่งมูลค่าทรัพย์ที่ได้มีการหมุนเวียนกระทำผิดอยู่ที่หลักล้านแต่ไม่ถึงสิบล้านบาท

 

ขณะที่กรรมการผู้ทำหน้าที่ตัดสินมีอัตราโทษสูง คือ มาตรา 67 ฐานผู้ตัดสินใดเรียก รับ หรือยอมจะรับสินจ้างหรือประโยชน์นั้น เพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามกติกาหรือไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ส่วนนักกีฬาก็จะมีความผิดตามมาตรา 65 คือ เป็นผู้เรียก รับ หรือยอมจะรับสินจ้างหรือประโยชน์นั้น เพื่อล้มกีฬาซึ่งอัตราโทษ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี เช่นกัน หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษดังกล่าวเป็นโทษทางอาญา แต่นักเตะหรือนักกีฬาอาชีพยังมีอีกส่วนคือ มาตรา 24 ซึ่งผู้ที่ถูกฟ้องและศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดตาม มาตรา 64-67 ให้สโมสรกีฬาอาชีพหรือสมาคมกีฬาอาชีพนั้น ต้องตัดสิทธิการนำเสนอชื่อนักกีฬาคนนั้นเข้าสู่การแข่งขันทุกแมตช์เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี โดยในส่วนของกลุ่มกรรมการผู้ตัดสินและนักกีฬานั้น อัยการยื่นฟ้องในเหตุการณ์บางแมตช์ไม่ครบทั้ง 5 แมตช์

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising