×

IMD ขยับความสามารถในการแข่งขันไทยปีนี้ขึ้นหนึ่งอันดับ อยู่ที่ 28 จาก 64 ประเทศ

21.06.2021
  • LOADING...
ความสามารถในการแข่งขัน ไทย

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือสถาบัน IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2021 พบว่าประเทศไทยมีอันดับดีขึ้น 1 อันดับ มาอยู่ในลำดับที่ 28 จากทั้งหมด 64 ประเทศ 

 

การจัดอันดับของสถาบัน IMD จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยพิจารณาวัดผลจากประสิทธิภาพของรัฐบาล ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่างๆ ผ่านการเก็บข้อมูลและการสัมภาษณ์ผู้บริหารองค์กรทั่วโลก

 

โดยในปีนี้สิงคโปร์แชมป์เก่าตกจากอันดับ 1 ลงมาอยู่ที่อันดับ 5 แต่ยังคงรักษาตำแหน่งประเทศในเอเชียที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงสุดไว้ได้ ขณะที่จีนได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ขยับจากอันดับ 20 ในปีก่อน มาอยู่ที่อันดับ 16 ในปีนี้ โดยจีนเป็นประเทศในเอเชียที่อันดับถูกปรับเพิ่มมากที่สุด

 

ด้านสหรัฐอเมริกาถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 10 ซึ่งเป็นอันเดียวกับปีที่แล้ว ส่วนสหราชอาณาจักรอันดับขยับดีขึ้นเล็กน้อย จากที่ 19 เพิ่มเป็น 18

 

สำหรับ 4 อันดับแรกของประเทศและเขตเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในปีนี้ ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ

 

รายงานของ IMD ระบุว่า อันดับที่ดีขึ้นของประเทศไทยในปีนี้เป็นผลมาจากพัฒนาการในหลายด้าน เช่น ตลาดแรงงานที่พบว่าพนักงานมีโอกาสได้รับการฝึกอบรมจากองค์กรเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันไทยยังมีการขาดดุลงบประมาณในระดับที่ต่ำกว่า 5% และมีการจดทะเบียนธุรกิจที่ทำได้ง่ายขึ้น

 

นอกจากนี้ ไทยยังแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่ปรับตัวดีขึ้น มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาตร์ตีพิมพ์เพิ่มขึ้น และมีความร่วมมือด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าพอใจขึ้น

 

ไทยถูกจัดให้มีความสามารถในการแข่งขันอยู่ที่ 28 จากทั้งหมด 64 ประเทศ

 

คริสทอส คาโบลิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบัน IMD กล่าวว่า ประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นในด้านการศึกษา จากการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อยกระดับการศึกษาในระดับมัธยมและอุดมศึกษา เช่นเดียวกับด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ที่ IMD พบว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณด้านนี้เพิ่มสูงขึ้น

 

อย่างไรก็ดี ในแง่การพัฒนานวัตกรรมและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมยังเป็นสิ่งที่ไทยต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น

 

คาโบลิสระบุว่า หากไทยต้องการขยับของตัวเองให้ดีขึ้น ภาครัฐและภาคเอกชนไทยจะต้องเร่งความเร็วในการทำ Digital Transformation เช่นการเดียวกับการยกระดับฝีมือและทักษะของแรงงานให้เท่าทันกับยุคดิจิทัล

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจกับความสามารถการแข่งขันของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นดังกล่าว แม้คะแนนเฉลี่ยสุทธิในปีนี้จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 72.52 แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับเขตเศรษฐกิจทั่วโลกที่คะแนนสุทธิปรับตัวลดลง จากผลกระทบสำคัญเดียวกันคือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบทุกภาคเศรษฐกิจทั้งการบริโภค การลงทุนในประเทศ การค้าระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยว

 

“นายกรัฐมนตรีพอใจที่อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณาในรายละเอียดขององค์ประกอบการจัดอันดับ จะเห็นว่ามีทั้งปัจจัยที่ปรับตัวดีขึ้นและที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในส่วนของสมรรถนะทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงภาคการท่องเที่ยวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำที่จะเร่งฟื้นฟูในส่วนนี้ โดยการตั้งเป้าหมายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใน 120 วัน โดยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นต้นแบบ และขยายผลสู่พื้นที่ท่องเที่ยวหลักอื่นๆ และทั่วประเทศต่อไป โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้ประชาชนกลับมาทำมาหากินได้เป็นปกติ” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising