ยักษ์ใหญ่ด้านเฟอร์นิเจอร์ของสวีเดน ได้เดินทางเข้าสู่แดนภารตะเป็นครั้งแรกในปี 2018 ปัจจุบัน IKEA มีร้านค้าขนาดใหญ่ในสองเมืองและเสนอการช้อปปิ้งออนไลน์ในเจ็ดแห่ง
“รสนิยมด้านเฟอร์นิเจอร์ของฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และด้วยเหตุผลบางอย่าง IKEA ดูเหมือนจะเข้ากับสุนทรียศาสตร์ใหม่ของฉัน” Ms Mandlik สถาปนิกซึ่งสอนที่ National Institute of Design กล่าว
เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่อาศัยอยู่รวมกันในเมืองทางตะวันตกของออรังกาบัด ภายในบ้านนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเฟอร์นิเจอร์มีน้ำหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นโซฟาและเก้าอี้ไม้สัก โต๊ะอาหารท็อปกระจก เก้าอี้พับเหล็กขนาดใหญ่
แต่ “ตอนนี้ครอบครัวและพื้นที่ต่างๆ เริ่มเล็กลง และความคล่องตัวก็เพิ่มขึ้น วิธีที่คนรุ่นผมมองเฟอร์นิเจอร์จึงเปลี่ยนไป” สถาปนิกวัย 35 ปีกล่าว
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่กระตุ้นให้ IKEA เดินทางเข้าสู่ตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่ซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งที่นี่มีกรรมวิธีในการทำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการถ่ายทอดเป็นมรดกสืบทอดของครอบครัว ช่างไม้ยังคงทำเฟอร์นิเจอร์ตามสั่ง และมีร้านค้าเล็กๆ จำนวนหลายหมื่นแห่งซึ่งกระจายทั่วประเทศ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- IKEA เตรียมปรับราคาสินค้าทั่วโลกขึ้นโดยเฉลี่ย 9% หลังต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งพุ่งทะยานจากปัญหาซัพพลายเชน
- ไม่ได้มีแค่เฟอร์นิเจอร์! IKEA จะเริ่มขาย ‘ไฟฟ้า’ ที่ผลิตจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับ ‘บ้านเรือน’ เริ่มที่สวีเดนเป็นแห่งแรกกันยายนนี้
ตลาดบ้านและที่อยู่อาศัยมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.3 ล้านล้านบาทของอินเดีย มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งเป็นสัดส่วนหลัก ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยชนชั้นกลางของประเทศ
IKEA กำลังค่อยๆ รุกตลาด โดยสินค้าแปลกใหม่จำนวน 8,500 ชิ้นที่วางขายในร้านขนาด 430,000 ตารางฟุตในไฮเดอราบัดและมุมไบ ตลอดจนช่องทางออนไลน์ สินค้าเหล่านั้นได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับผู้บริโภคชาวอินเดีย โดย “IKEA ไม่ได้รีบร้อน พวกเขาค่อยๆ ขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมีความอ่อนไหวด้านราคาในอินเดีย” Ankur Bisen รองประธานอาวุโสของ Technopak กล่าว
Kavitha Rao หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของ IKEA India กล่าวว่า หนึ่งในสามของผลิตภัณฑ์ในอินเดียมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี และหนึ่งในสี่ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายมาจากท้องถิ่น “โดยอินเดียมักสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ค้าปลีกทั่วโลกเสมอ เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อราคา และคุณต้องทำงานกับผู้บริโภคในแต่ละหมวดหมู่”
ดังนั้นที่นี่ IKEA จึงขายโซฟาราคาถูกที่สุดด้วยราคา 1 หมื่นรูปี หรือราว 4,300 บาท และแพงที่สุด 1.25 แสนรูปี หรือราว 5.5 หมื่นบาท ชุดช้อนสีสันสดใสสำหรับเด็ก 19 รูปี และแก้ววิสกี้ 99 รูปี เป็นสินค้าที่มีราคาต่ำที่สุด
เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภคชาวอินเดียมากขึ้น IKEA ได้เยี่ยมชมมากกว่า 2,000 ครัวเรือนที่มีรายได้แตกต่างกันในเมืองต่างๆ สิ่งที่ IKEA พบคือบ้านโดยเฉลี่ยในไฮเดอราบัดมีพื้นที่มากกว่า 2 เท่าของบ้านในมุมไบ ดังนั้นร้านในมุมไบจึงนำเสนอสินค้าซึ่งมี ‘พื้นที่ใช้สอยขนาดเล็ก’ ส่วนในไฮเดอราบัดผู้บริโภคมักจะซื้อโซฟาที่ใหญ่กว่าและเตียงเพิ่ม
ชาวอินเดียยังชอบที่เก็บของแบบปิดเพราะมีฝุ่นเยอะ ดังนั้น IKEA ได้ตัดที่เก็บของแบบเปิดที่มีอยู่มากมายและเสนอตู้กระจกหรือตู้แทน นอกจากนี้ชาวอินเดียชอบนอนบนที่นอนแบบแน่นๆ อีกด้วย ส่วนในร้านอาหารนั้น IKEA ก็จัดเต็มด้วยเมนูท้องถิ่นทั้งข้าวหมกบริยานี ซาโมซ่า ลูกชิ้นมังสวิรัติ เรียกว่าเอาใจชาวอินเดียสุดขีด
ด้วยช่องว่างทางการตลาดที่มีอยู่อีกมาก บริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่จึงเดินหน้าลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ในอินเดีย โดยคาดว่าจะมีร้านค้าเพิ่มขึ้นในบังกาลอร์และเดลี ตลอดจนขยายไปยังชานเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าถึงชาวอินเดียหลายล้านคนมากขึ้น
ภาพ: Ashish Vaishnav / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP